เขียนบันทึกเพื่อรักตัวเอง #1

 

 

“เรามีคุณค่าเพราะว่ามีปมด้อย มิใช่เพราะสมบูรณ์แบบ”

 

ผมคงไม่เริ่มศึกษาการเขียนเพื่อการเยียวยาและพัฒนาชีวิต หากไม่ได้เกิดมาพร้อมกันเยื่อพังผืดติดใต้ลิ้นตรงใกล้ปลายๆ ทำให้พูดไม่ชัดและออกเสียงบางอักษรได้ไม่ถูกต้อง แล้วโชคร้าย เพราะกว่าจะมีหมอคนใดสามารถวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง ก็ตระเวนไปหาคำตอบและทางรักษาหลายที่ จนเมื่อพบสาเหตุที่ซ่อนอยู่ตรงหน้าผมก็อายุย่าง 11 ขวบแล้ว ความมั่นใจที่จะพูดและสื่อสารกับโลกภายนอก โบยบินไปกับช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การฝึกพูดแล้ว
.
การกระดกลิ้นไม่ได้ทำให้ผมถูกล้อเรื่องเสียงพูดบ่อยครั้งนัก ทั้งจากเพื่อนเด็กนักเรียนและคุณครู โรงเรียนไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับผมนัก และกว่าจะพบสาเหตุสำคัญก็ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดผมจึงไม่สามารถฝึกออกเสียงและพูดได้เหมือนเด็กคนอื่น ทำให้การปรับตัวเมื่อต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนต่อกรุงเทพ เป็นสิ่งที่ยากเข็ญนัก
.
ผมมีที่พักใจ คือกองกระดาษใช้แล้วจากบริษัทที่พ่อทำงาน นั่นคือสมุดบันทึกเล่มแรกของผม ที่ซึ่งผมสามารถหลบพักจากโลกที่ผมไม่สามารถพูดและปรับตัวกับเพื่อนได้อย่างสมบูรณ์อย่างที่เด็กคนหนึ่งควรทำได้ อยู่กับจินตนาการและเพื่อนรับฟังที่ดีที่สุด
.
ผมเริ่มจากการชอบวาดรูปก่อน พยายามสร้างสรรค์เรื่องราวเลียนแบบจากภาพยนตร์และการ์ตูน แต่อนิจจา ฝีมือผมนั้นแย่มาก แล้วผมก็อยากให้พ่อแม่ท่านอ่านรู้เรื่อง ผมจึงต้องเขียนบอกว่า อันนี้ที่วาดคืออะไร อันนั้นคืออะไร เขียนบอกไว้ประกอบภาพ จนแล้วจนเล่าคิดว่าคงไม่เหมาะกับการวาดรูปแล้ว จึงเขียนเยอะขึ้นไปตามลำดับ
.
โชคร้ายกลายเป็นดีได้เสมอ หากผมวาดรูปเก่ง หรือเกิดมาพูดชัดเจน ผมคงให้เวลาสนใจเรื่องอื่นๆ มากกว่า ปัจจุบันคงไม่ได้เป็นครูผู้สอนการเขียนเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง หรือดูแลสถาบันธรรมวรรณศิลป์มาจนถึงวันนี้
.
การที่ต้องไปหาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเรื่องเด็กหลายคน แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการออกเสียงของตัวเองได้ มีผลกระทบทางใจกับผมอย่างน้อยสองอย่าง อย่างแรก ทำให้สงสัยถึงสาเหตุของสิ่งต่างๆ เวลามีปัญหาทางกาย ทางใจ หรือเรื่องใดๆ ในกาลต่อมา บ่อยครั้งผมไม่ได้ใฝ่วิธีการแก้ปัญหานัก แต่จะพยายามรู้และทำให้ชัดเจนให้ได้ว่า สาเหตุของมันคืออะไร หากได้คำตอบก็จะรู้สึกพอใจ หากไม่อาจรู้สาเหตุได้ก็จะกังวลใจและรู้สึกบกพร่อง
.
อย่างที่สอง การที่พบหมอคนแล้วคนเล่าก็ไม่อาจแก้ไขและต่างกล่าวในลักษณะที่ว่าผมเป็นคนผิดเองที่ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้องได้ ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ เป็นคนที่บกพร่องและไม่ดีพอ ทำให้รู้สึกกับตัวเองเช่นนี้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอีกยาวนาน
.
สองอย่างนี้กลับเป็นของขวัญล้ำค่าแก่ชีวิต เพราะมันทำให้ผมมีแรงบันดาลใจที่จะชวนตัวเองและคนอื่นๆ สืบสาวลงลึกในจิตใจ ดูแลปมต่างๆ และเรื่องราวในอดีต อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาขึ้น ผ่านกระบวนการเขียนและเทคนิคต่างๆ
.
ความโดดเดี่ยวลึกๆ ภายในที่ต่อมาได้รับการดูแล ทำให้ผมรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ต้องการเคียงข้างหัวใจที่โดดเดี่ยวทดแทนความรู้สึกแปลกแยกในวัยเด็ก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจแรกๆ ที่ทำให้ผมเลือกงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้
.
ปมใจและข้อบกพร่องในตัวเราไม่ได้ทำให้เรามีคุณค่าน้อยลง แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยขับเน้นบางคุณค่าให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ในปมใจหลายๆ ปมก็ซุกซ่อนคุณค่าที่เรามีอยู่โดยไม่รู้ตัว หรือรู้แต่ไม่คิดชื่นชม
.
วิธีการรักตัวเองมากขึ้นมีอยู่อย่างน้อยสองทาง ทางหนึ่งมองหาสิ่งที่ขาดไป ทางสองมองยังสิ่งที่มีอยู่แล้วในความขาดนั้น คนที่รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย บกพร่อง และขาดความมั่นใจในตัวเอง อย่างน้อยที่สุดนั้นเพราะว่าในหัวใจเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน และหากได้ดูแลหัวใจตัวเองอย่างเหมาะสมแล้ว เราจะพบว่าในหัวใจที่ขาดความมั่นใจนี้ยังมีความอ่อนโยนอีกด้วย สองคุณค่านี้สำคัญไม่น้อยไปกว่าความมั่นใจในตัวเองเลย
.
การเขียนด้วยมือนั้น ไม่สะดวกรวดเร็วเท่ากับการพิมพ์ มีข้อเสียคือความเชื่องช้า บ่อยครั้งที่ความคิดเราอาจล่วงหน้าไปแล้ว แต่ปากกายังอยู่ตรงนี้ตามไม่ทัน ทว่าความเชื่องช้านั้นก็มีคุณค่าที่ช่วยให้เราช้าลง อยู่กับกายและใจของตนเองในปัจจุบันมากขึ้น แล้วช่วยชักชวนให้ความคิดไม่รีบเร่งวิ่งไกลออกไป แต่ชะงักให้ช้าและหยุดลง เพื่อคิดในมุมมองใหม่ๆ ผ่านการทบทวนบนหน้ากระดาษ
.
การเขียนด้วยมือมีประโยชน์หลายประการมากกว่าการเขียนผ่านการพิมพ์ หรือจิ้มอักษรบนจอกระจก ความผ่อนคลาย ประสานการทำงานของสมองซีกซ้ายและขวา เพิ่มทักษะการคิด กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาความจำ และอื่นๆ ดังที่มีการศึกษาวิจัย
.
การเขียนบำบัดได้ใช้จุดด้อยของการเขียนมาเป็นประโยชน์ต่อการดูแลความรู้สึกและเยียวยาหัวใจ ในจุดด้อยที่เรามีนั้นมักมีจุดเด่นที่ล้ำค่าอยู่เสมอ ขอเพียงเรามองให้เห็น ซึ่งการเขียนบันทึกอย่างมีกระบวนการที่เหมาะสมนั้นเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยได้
.
ผู้เรียนที่เข้าอบรมกับผมนั้น คนที่มักรู้สึกว่าตัวเองเขียนไม่เก่งหรือขาดความมั่นใจในตนเอง มักไปได้ดีกับการเขียนเพื่อดูแลจิตใจและการเข้าใจตัวเอง เรียนรู้ได้บทเรียนที่ลึกซึ้งและจับต้องได้ มากกว่าคนที่รู้สึกว่าตัวเองเขียนเก่งหรือดีพออยู่แล้ว ซึ่งมักแตะประเด็นต่างๆ ของตัวเองผิวเผินเกินไป หรือพยายามสร้างผลงานและภาพลักษณ์จนไม่เห็นตนเองตามจริง
.
ในช่วงเริ่มฝึกจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหม่ๆ ผู้ร่วมทีมสะท้อนการทำงานของผมว่า เสียงผมเวลานำกิจกรรมเกม มันเป็นเสียงโมโนโทนมากเกินไป มันเรียบ ขาดพลัง และน่าเบื่อ
.
ด้วยว่ามีปมเรื่องการพูดอยู่แล้ว เมื่อฟังจึงรู้สึกขาดความมั่นใจและเสียใจ อยากพัฒนาให้ตัวเองพูดได้น่าสนใจและมีน้ำเสียงมากขึ้น จึงค้นข้อมูลหาวิธีการต่างๆ นานา แต่กลับไปพบข้อความหนึ่งที่มีผู้เขียนบอกว่า เสียงแบบโมโนโทนคือเสียงที่เหมาะกับการสะกดจิต ตอนนั้นเหมือนแสงสว่างวาบขึ้นในใจ ผมจึงค้นข้อมูลเรื่องการสะกดจิตและไปเรียนรู้ต่อกับครูอาจารย์จนสำเร็จวิชา
.
เพราะเสียงที่ไม่สมบูรณ์แบบนี้เอง ผมจึงได้สอนและช่วยเหลือผู้อื่นผ่านศาสตร์การสะกดจิตเป็นอีกแนวทาง หลังจากนั้นเป็นต้นมาจึงมักได้รับคำชมเรื่องเสียงเนิบ นุ่ม ทุ่ม และทรงพลังในเวลาสอนหรือนำเสนอผลงานศึกษา แม้จะยังตะกุกตะกักอยู่บ้างก็ตาม เด็กน้อยในอดีตคนนั้นคงประหลาดใจหากรู้ว่าในอนาคตเขาจะต้องทำงานและช่วยเหลือผู้คนด้วยสิ่งที่ไม่มั่นใจว่าทำได้ดีอย่างการพูดออกเสียง
.
การรักตัวเองเริ่มต้นจากการยอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์แบบอย่างไร แต่เราก็สามารถใช้สิ่งที่มีให้ดีที่สุด ด้วยความรักและเห็นคุณค่าของข้อดีกับข้อบกพร่องที่เรามี ปมด้อยอาจไม่ใช่อุปสรรคชีวิตเสมอไป แต่เป็นกล่องของขวัญกล่องหนึ่งที่รอเปิด พรสวรรค์ไม่ได้เกิดจากพรแสวงเท่านั้น ยังสามารถเกิดจากข้อบกพร่องที่เรามีอยู่ด้วย
.
.
สรุปข้อคิดและหลักการ การเขียนบำบัด จากบทนี้
.
1 ใช้ความช้าของการเขียนเพื่อผ่อนคลายกายใจให้สงบ กลับมาอยู่กับตัวเอง และชะลอการคิดลง
2 ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเขียนเก่ง หรือเป็นคนที่ดีพอ เพื่อเขียนบันทึกเปลี่ยนชีวิต
3 เขียนเพื่อมองคุณค่าในสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งตัวเราเอง และเห็นคุณค่าจากทุกสิ่งที่ตนเองได้เขียนลงไป
4 ทำให้รู้สึกว่าการเขียนเป็นเพื่อนเพื่อรับฟัง โดยเฉพาะสิ่งที่อยู่ลึกๆ ในใจที่ไม่สามารถสื่อสารหรือแสดงออกได้ในชีวิตประจำวัน
.
.
อนุรักษ์ ครูโอเล่
.
บทความนี้จะรวบรวมร่วมกับสื่อวิดีโอและแบบฝึกหัด เพื่อเผยแพร่เป็นคอร์สออนไลน์ฟรี “เขียนบันทึกเพื่อรักตัวเอง” ผ่านโครงการ ปัญญ์ สเปซ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒
.
สามารถเรียนรู้ผ่านสื่อของหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต หรือเข้าร่วมการอบรมแบบมีค่าใช้จ่าย โดยอ่านรายละเอียดได้ที่ www.dhammaliterary.org/คอร์สการอบรม/