5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พ่อหลวง ร.9 พร้อมนัยยะสำคัญ (ตอนแรก)

    5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พ่อหลวง ร.9 พร้อมนัยยะสำคัญ . (ตอนแรก) . เมื่อครั้งผู้เขียน ค้นคว้าและรวบรวมข้อคิดจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นไฟล์สมุดบันทึก “ลิขิตตามรอยก้าว พ่อหลวง ร.๙” เพื่อแจกฟรีแก่บุคคลทั่วไป ผู้เขียนพบว่ามีข้อคิดและบทเรียนที่ดีในด้านการพัฒนาจิตและชีวิตระดับบุคคลอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ถูกกล่าวถึงน้อยจากประชาชนคนไทย และยิ่งน้อยไปอีกในการถูกส่งเสริมสู่การปฏิบัติจริงจากภาครัฐและความเข้าใจของพสกนิกร จึงควรค่าอย่างยิ่งที่เราจะกล่าวถึงและน้อมนำคำสอนที่ถูกละเลยและหลงลืมเหล่านี้มาใคร่ครวญและปฏิบัติในชีวิตของตนเอง . ในหลวง รัชกาลที่ ๙ และพระบรมศาสดาทั้งหลายต่างสอนเราถึงความพอเพียงและความพอใจในสิ่งที่ตนมี แต่ก็ทรงตรัสสอนเพื่อเติมควบคู่อีกว่า การจะมีชีวิตที่มีความสุขและบรรลุความหมายของชีวิต ต้องอาศัยวิริยะและฉันทะพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดหย่อนและไม่ย่อท้อ ดั่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้มีความเพียรจึงหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายได้ . ทั้งการพอใจในตนเองและการมีความเพียรเป็นสองขั้วหยินหยางที่ต้องมีควบคู่กัน ขาดด้านใดไปแล้วย่อมเป็นผลเสีย หากเรามีความมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง แต่ขาดการรักตนเองตามที่เป็นจริง เราย่อมรู้สึกขัดแย้งตนเองไม่รู้สิ้นสุดแม้เข้าอบรมมากมายก็ไม่อาจรู้สึกเต็ม หากเราพึงพอใจตนเอง แต่ขาดการพิจารณาสิ่งลบที่ควรแก้ไข เราย่อมกลายเป็นคนหลงตัวเองและมีส่วนสร้างปัญหาเดิมๆ ให้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า . บทความต่อไปนี้จึงเป็นการรวบรวมบางข้อคิดคำสอนจาก ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในด้านการดูแลจิตใจ การพัฒนาชีวิต และการต่อสู้กับปัญหา พร้อมการวิเคราะห์นัยยะสำคัญลึกซึ้งที่แอบซ่อน ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นเดียวกันตามช่องทางที่สะดวกและความเหมาะสม . . 1 :… Continue reading 5 ข้อคิดพัฒนาชีวิตและจิตใจจาก พ่อหลวง ร.9 พร้อมนัยยะสำคัญ (ตอนแรก)

3 แรงบันดาลใจจาก ดินสอ

      3 แรงบันดาลใจจาก ดินสอ เราใช้ชีวิตเหมือน ดินสอหัวทู่ หรือไม่ มัวแต่ “เอาใจ” ยุ่งกับภาระ ผู้คนและข่าวสารทั้งหลาย จนลืม “ใส่ใจ” ตนเองหรือเปล่า เมื่อขาดการดูแลความรู้สึกและความต้องการแท้จริงข้างใน ลืมพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เหมือนปล่อยดินสอทู่ลง เส้นสายลายชีวิตย่อมไม่คมและไม่ตรงความหมาย . เรามัวแต่ใช้ชีวิต จนลืม “ไส้ใน” ของตนเองหรือไม่ เมื่อชีวิตได้แต่ถูกใช้เหมือนดินสอจนปลายหัก เหมือนร่างกายและหัวใจอ่อนล้าจนทรุดโทรม เรามองนอกตัวเองเกินไปจนลืม “เข้าใจ” ตนเองและสิ่งที่เราเป็นแท้จริง . บทความต่อไปนี้คือแรงบันดาลใจ ซึ่งเราสามารถเรียนรู้และซึมซับได้จากความเป็นดินสอ ของเล็กๆ ใกล้ตัวเป็นครูและเพื่อนในมือเราได้เสมอ หากผู้อ่านมีข้อคิดหรือความเห็นความรู้สึกอื่นเพิ่มเติมก็สามารถแลกเปลี่ยนได้ตามช่องทางที่เหมาะสม . . 1 ดินสอต้องเหลาจึงใช้ได้ ลอกเปลือกตัวตนจนพบศักยภาพ : คนเราต้องเข้าถึงและเผยสิ่งที่ดีข้างใน จึงพบหนทางของชีวิตที่แท้จริง เพราะความสามารถของเราทุกคนนั้นมีมากมายอยู่แล้ว ขอเพียงเราปอกเปลือกตัวเอง และเผยออกมาใช้ให้เป็นเท่านั้น . ดินสอเป็นตัวอย่างของการขัดเกลาตน การเหลาดินสอทำให้เปลือกไม้ข้างนอกหลุดลอก เผยไส้ถูกลับเป็นหัวแหลม เหมาะแก่การใช้งาน คนที่ขาดการขัดเกลาย่อมเหมือนดินสอทู่หรือดินสอที่ไม่ได้เหลา แม้มีดีในตัวก็ไม่อาจนำมาใช้ได้ดี .… Continue reading 3 แรงบันดาลใจจาก ดินสอ

8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สาม)

      8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สาม) . เคยมีบ้างหรือไม่ที่เราสงสัยในความรักจากแม่ แม้หลายหัวใจชื่นชมคุณค่าแห่งรักผ่านถ้อยคำร้อยรำพันนานา แต่ไยหัวใจดวงนี้บางคราจึงสงสัย หรือมิอาจรู้สึกถึงรักจากท่าทีท่านได้ . มีอะไรผิดแปลกไปหรือไม่ เราดีไม่พอหรือ หรือแม่เรามิใช่เหมือนคนอื่น หัวใจเด็กน้อยแม้ในยามเป็นผู้ใหญ่ อาจสงสัยเช่นนี้ ด้วยหลายครั้งท่าทีและหัวใจคนเราไม่ตรงกัน ปากห่างไกลจากหัวใจ . แม่เรานั้นไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ ลูกเองก็เช่นกัน ไม่มีใครสมบูรณ์และทำให้เราพอใจทุกประการ ความรักระหว่างแม่กับลูกคือบทเรียนยิ่งใหญ่ของรัก ซึ่งรักได้แม้อีกฝ่ายทำร้ายตนเองก่อน รักแม้ไม่เคยใช้เวลายาวนานทำความรู้จัก และรักแม้ต่างไม่สมบูรณ์แบบ มีข้อดี มีข้อติ แต่มิใช่ข้อบั่นทอนคุณค่าของการพบเจอ . คู่รักหลายคู่ต่างก็แยกย้าย เพียงเพราะความต่างและความไม่สมบูรณ์ของกัน แม้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมายาวนานหรือให้เวลารู้จักมักคุ้นกันแล้ว แต่แม่กับเรา แม้เคยทะเลาและผิดใจกันปานใด หรือมีเหตุเป็นอันต้องทำร้ายกายใจกัน ความเป็นแม่และลูกยังคงมั่น แม้เรารู้สึกถึงรักไม่ชัดเจน แต่กายใจเราที่เป็นอยู่คือประจักษ์พยานรักจากแม่ แม้รักนั้นอาจไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม . บทความตอนที่ 3 นี้คือคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในการเป็นแม่ เป็นทั้งสิ่งล้ำค่าและบทเรียน ที่เราต่างมีอยู่ในตัวเรา มิว่าเราเพศชายหรือหญิง เป็นแม่หรือไม่ เราทุกคนมีความเป็นแม่อยู่ในตัวเอง เพราะเราเกิดมาจากแม่ . หากผู้อ่านมีข้อคิดเห็นหรือความรู้สึกใดต้องการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมนอกเหนือจากเนื้อหาก็สามารถแบ่งปันได้ตามช่องทางที่เหมาะสม .… Continue reading 8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สาม)

8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สอง)

      8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สอง) การเป็นแม่นั้นคือครูที่ยิ่งใหญ่ หน้าที่นี้และลูกคือของขวัญล้ำค่าสำหรับผู้เป็นแม่เสมอ แต่มิใช่เพียงท่านเท่านั้น ลูกเองก็ได้รับสิ่งมีค่าอย่างเดียวกันแนบเนาในชีวิตของตน เพราะเราทุกคนมี “แม่” อยู่ในลมหายใจและตัวตนเสมอมิว่าทางหนึ่งทางใด ทั้งในความทรงจำ เลือดเนื้อ และเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงาม . จึงกล่าวว่าแม่นั้นมี “พระคุณ” ใหญ่หลวงต่อตัวเรา ด้วยหัวใจของการเป็นแม่ เป็นดั่ง “คุณพระ” ปกปักษ์แก่หัวใจเด็กน้อยและตัวท่าน มีหัวใจแห่งธรรมของทุกศาสนาอยู่ในความเป็นแม่ ทุกเส้นทางที่เราทั้งสองได้พบเจอ คือก้าวหนึ่งของการเติบโตแห่งจิตใจ เราได้เรียนรู้ความรักที่แท้ก็ในความเป็นแม่กับลูก เราได้พบแบบฝึกใจที่สำคัญเพื่อสละละอัตตาตน ก็ในความเป็นแม่กับลูกนี้ . แม้เรื่องราวระหว่างกันจะมีความเจ็บปวด มีความผิดใจ มีความโกรธ และแม้การจากลา เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นประตูที่รอเปิดออก เพื่อค้นพบคุณค่าแท้ในสายใยระหว่างกัน คุณค่าที่จะอยู่กับเราเสมอ แม้กำแพงหรือระยะทางใดจะกั้นขวางเรา ทุกการพบเจอของทุกคนมีความหมาย แม้ชอบหรือไม่ก็ตาม การที่เราได้เป็นแม่และลูกต่อกัน ย่อมมีความหมายต่อการเติบโตทั้งสองฝ่าย มีบทเรียนและของขวัญพร้อมมอบให้แก่กัน ถึงแม้บางเรื่องอาจต้องใช้เวลายาวนานกว่าตระหนักได้ก็ตาม . บทความนี้เป็นตอนที่สองในหัวข้อ “8 คุณค่าที่เรามีดั่งแม่” เพื่อให้เรามองตนและมองแม่อย่างเข้าใจในคุณค่าต่อกัน และเรียนรู้สิ่งที่ความเป็นแม่ได้สอนเราทั้งสองฝ่าย นำไปสู่การตระหนักในบางคุณค่าที่เรามีและเป็น แต่อาจหลงลืมไป ผู้อ่านคนใดมีข้อคิดเห็นหรือความรู้สึกใดต้องการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม… Continue reading 8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สอง)

8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนแรก)

        8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนแรก)     ในลมหายใจนี้มีแม่อยู่เสมอ เมื่อเราหันหลับมาให้สิ่งที่ดีแก่หัวใจตนเอง หัวใจของแม่ก็ได้รับด้วยเช่นกัน เมื่อใดที่เรารู้รักตัวเองอย่างแท้จริง เมื่อนั้นเรากำลังแสดงความกตัญญูและรักแก่แม่เราด้วย เมื่อใดก็ตามที่จิตใส่ใจลมหายใจ เรากำลังให้ความเคารพกับชีวิตที่เราได้รับมา ร่างกายนี้ส่วนหนึ่งเดินทางมาจากท่าน เราทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวของกันอยู่เสมอ ไม่ว่าท่านอยู่ไกลจากเราเพียงไหน หรือกำแพงหนึ่งใดกั้นใจของเราเป็นบางคราวก็ตาม . การระลึกถึงพระคุณแม่นั้น มิใช่เพียงให้เราได้แสดงความรักและความเคารพเท่านั้น แต่เพื่อให้เราตั้งใจน้อมนำสิ่งที่ดีแบบท่าน ซึ่งซ่อนอยู่ในตัวเราด้วยเช่นกัน ทำให้ได้ดั่งท่าน และน้อมนำมาเป็นแบบอย่าง . มิว่าเราเป็นชายหรือหญิง คุณสมบัติและคุณค่าที่ดีในความเป็นแม่ ต่างเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว เมื่อใดที่เราเพาะบ่มเมล็ดเหล่านี้และปลูกมันลงบนแผ่นดินของชีวิต เรากำลังทำหน้าที่ลูกด้วยการนำของขวัญที่ดีที่สุดจากแม่ มอบให้แก่ตนเองและผู้คนรอบข้าง . บทความนี้เป็นตอนแรกของหัวข้อ คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” ผู้อ่านคนใดต้องการแลกเปลี่ยนข้อคิดและความรู้สึกอื่นๆ นอกเหนือจากเนื้อหาดังต่อไปนี้ สามารถแบ่งปันกันได้ตามช่องทางที่เหมาะสม . . 1 เราทุกคนคือผู้ให้กำเนิด ผู้มอบของขวัญแก่โลกใบนี้ : พระคุณของแม่ที่ล้ำค่าที่สุดอย่างหนึ่งคือการมอบโอกาสให้เรามีลมหายใจบนโลก ให้กำเนิดเด็กน้อยคนนี้ย่างก้าวบนผืนแผ่นดินเพื่อมอบดอกไม้นานาคืนแก่ผืนดินเกิดในวันข้างหน้า . ในความเป็นแม่นั้นมีพลังสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นเหมือนศิลปินที่วาดตัวเราขึ้นมา ดุจงานศิลป์ที่มีสีสันหลากหลาย ความสร้างสรรค์นี้เองก็มีอยู่ในตัวลูกเช่นกัน… Continue reading 8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนแรก)

5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนที่สอง)

    5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต #ไม่ต้องเข้าคอร์สหรูก็รู้ได้ (ตอนที่สอง) หนทางไม่เคยมืดมน ยกเว้นเราจะ “ปิดตา” ตนเสียเอง เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับเมล็ดพันธุ์หรือศักยภาพที่ไม่จำกัด ยกเว้นเราจะ “ปิดกั้น” ตนไว้ด้วยความเชื่อว่า …ฉันทำไม่ได้… หรือ …ฉันเป็นแค่… . เมื่อเรา “ปิดใจ” ต่อตัวเอง ปีกที่ซ่อนอยู่ในตัวเราก็ไร้โอกาสได้กางออก เราจึงรู้สึกว่าชีวิตไม่มีหนทางเลือกเอาเสียเลย ทั้งที่เราเป็นผู้เลือกหันหลังให้ . เราอาจมีวันสับสน แต่ไม่มีวันอับจน ตราบใดใจไม่ “ปิดประตู” ทางออกไว้ด้วยการคิดและความเชื่อที่เฝ้าย้ำตอกตำชีวิตจนตรอก ทางออกอยู่ที่ใจเราเสมอ อำนาจวิเศษและการอบรมสะกดจิตใดใด เพียงชี้ทางหวนกลับมาที่ใจของเรา . อย่า “ปิดบัง” ตัวเองจากความจริง และสิ่งที่เราทำได้แม้ไม่สมบูรณ์แบบ ด้วยการตัดสินและการคาดคั้น ให้ชีวิตเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้เราหายใจและกางปีกของตนออกได้ อยู่อย่างไรจึงมีความหมายโดยไม่ต้องมีเงื่อนไข มิใช่ให้ชีวิตคือพื้นที่ “ปิดฉาก” ลมหายใจด้วยข้อผูกรัดที่เราคล้องหัวใจตนเอง . บทความนี้นำเสนอต่อเนื่องอีกสองข้อสุดท้ายจากตอนที่ผ่านมา เป็นข้อคิดเพื่อการเปลี่ยนความเชื่อและความคิด เพื่อเปลี่ยนชีวิตของเรา ผ่านส่วนหนึ่งของแก่นความรู้การสะกดจิตและพลังแห่งจิตใจ มิว่าคอร์สราคาแพงหรือการอบรมเพื่อการกุศลต่างมีหลักการร่วมอย่างเดียวกัน ผู้อ่านคนใดต้องการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในหัวเรื่องเดียวกันนี้อย่างไรก็สามารถบอกเล่าได้ตามช่องทางที่เหมาะสม . .… Continue reading 5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนที่สอง)

5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนแรก)

    5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต #ไม่ต้องเข้าคอร์สหรูก็รู้ได้   (ตอนแรก) เผยเบื้องหลังคอร์สสะกดจิต อำนาจที่เรามีอยู่แล้วในตนเอง ไม่ว่าเราเข้าอบรมคอร์สถูก คอร์สแพง หรือเรียนด้วยตนเอง หากเข้าใจแก่นหลักอย่างถ่องแท้ เราย่อมไม่ตกอยู่ใต้อำนาจการสะกดจิตจากใคร แม้แต่สิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในตัวเองก็ตาม . บ่อยครั้งที่เราใช้ชีวิตอย่างหุ่นชักใย เราไม่มีอิสระและความสุขอย่างแท้จริง ถูกชักพาไปทางโน้นทางนี้ที เดี๋ยวก็เป็นความคาดหวังจากคนอื่น เดี๋ยวก็สิ่งกระตุ้นเย้าแหย่จากสื่อหลายๆ ทาง หรือบางครั้งเราอาจนึกสงสัยว่า เพราะอะไรเราจึงทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้เต็มที่ หรือเหตุใดชีวิตถึงต้องมาติดอยู่แบบนี้ เราถูกผูกมัดด้วยหลายสิ่ง โดยเฉพาะข้างในตัวเราเอง . คนต่างต้องการ “อิสรภาพ” และความสุข แต่หัวใจกลับพาทำสิ่งที่ตรงข้าม สร้าง “เงื่อนไข” มากมายให้แก่ตัวเองเพื่อจะมีความสุข แต่ผลยิ่งทำให้เราไกลจากความพอใจในตนเองมากขึ้นทุกที จนกว่าเราจะหันหลับมาดูแล นัก “สะกด” จิตในตัวเอง ที่ “สกัด” กั้นศักยภาพและอำนาจที่มีอยู่แล้ว . อำนาจที่จะมีความสุขและอิสระอยู่ใจเราเสมอ . บทความนี้นำเสนอ 3 ข้อคิดแรกซึ่งเป็นทั้งแง่คิดและวิธีการ ก้าวข้ามพ้นไปจากขอบความเชื่อที่ตนติดอยู่ หากผู้อ่านมีข้อคิดเห็นหรือมีเทคนิคใดเพิ่มเติมจากบทความ สามารถแลกเปลี่ยนได้ตามช่องทางที่เหมาะสม .… Continue reading 5 ข้อคิด เปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต (ตอนแรก)

7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนที่สอง)

    7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนที่สอง)   เราจะเป็นคนที่เปี่ยมด้วย “คุณค่าชีวิต” ตน หรือผู้ที่เป็น “คุณฆ่าชีวิต” ตัวเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าได้ครอบครองสิ่งที่เราและคนอื่น “เห็นค่า” มากเพียงใด ในทางกลับกันยิ่งเราถือครองเป็นเจ้าของและเป็นตัวตน ยิ่งสูงยิ่งมากเข้าก็ยิ่งทุกข์เท่านั้น เพราะนั่นทำให้เรา “เป็นข้า” หรือทาสแก่สิ่งเหล่านั้น รวมทั้งแก่กิเลส ซึ่งเปรียบเสมือนรูรั่วของหัวใจ ต่อให้เราประสบความสำเร็จและวิ่งไล่ตามทันดวงดาวของสังคม เราก็ไม่สุขอย่างแท้จริง ยิ่งโหยหายิ่งรู้สึกขาดแคลน แม้จะมีชื่อเสียงในสังคมเพียงใดก็ตาม . การมีคุณค่าในชีวิต เป็นคนละเรื่องกับความสำเร็จ และไม่เกี่ยวข้องกับการมีลาภ ยศ และสรรเสริญ ไม่ว่าทางสังคมหรือทางจิตใจ เหล่านั้นเป็นความพอใจชั่วคราวเท่านั้น คนรวยและผู้มีความสำเร็จสูงส่ง น้อยนักที่มีความสุขและความสงบอย่างแท้จริงในชีวิต แต่มักกลบเกลื่อนความรู้สึกขาดพร่องในตนเอง ด้วยทำสิ่งต่างๆ ที่พาให้คนอื่นอยากคล้อยตาม ซึ่งก็กำลังตามหาสิ่งที่เป็นคุณค่าแท้ของชีวิตด้วยเช่นกัน . เราจะรู้สึกถึงคุณค่าในตนเองอย่างจริงจัง เราต้องกลับมารู้จักตนเองเท่านั้น มิใช่ไขว่คว้าอำนาจวิเศษจากสิ่งอื่นหรือบุคคลอื่นแต่อย่างไร ดั่งการจะเห็นคุณค่าในหนังสือเล่มหนึ่ง เราต้องพลิกอ่านบทแล้วบทเล่า ต้องมองตนให้รอบด้านและหยั่งลึกกว่าผิวเผิน เราจึงจะเข้าใจตัวเองจนนำมาสู่การรักตนอย่างเต็มเปี่ยม ชนิดที่เงินเท่าใดก็ไม่อาจซื้อหาได้ . บทความนี้ เป็นตอนสุดท้ายของหัวเรื่อง คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน”… Continue reading 7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนที่สอง)

7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนแรก)

    7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนแรก) หลายครั้งที่เราใช้ชีวิตโดยที่ไม่ได้คำนึง “คุณค่า” ของตัวเรา แต่ใช้ชีวิตดั่ง “คุณฆ่า” ตัวเอง ด้วยการใฝ่หวังสิ่งที่บั่นทอน หรือลดเลี้ยวหนทางชีวิตไปยังทิศที่ไม่เหมาะสม ทั้งการเฝ้าเติมเต็มหรือตักตวงใส่ตัวตน แต่ยิ่งเปล่ากลวงมิเห็นค่า เพราะคุณค่ามิใช่สิ่งที่เราได้มาจากภายนอกตัว ทว่าบ่มเพาะก่อเกิดจากข้างใน . จะเห็น “ค่าชีวิต” เราต้องกลับมามองสบตากับตัวเอง ที่ผ่านมาเรามองไปยังสิ่งต่างๆ นอกตัวเกินไป จึงหลายครั้งสิ่งที่ทำไม่ได้ “สอดคล้อง” กับคุณค่าของตนเลย แต่เป็นการ “ผูกรัด” ให้ตัวเองขาดความมั่นคงอย่างแท้จริง กับคุณค่าปลอมและสิ่งฉาบฉวย จน “ฆ่าชีวิต” เราทีละวันละวัน . ต่อไปนี้คือข้อคิดและมุมมอง คุณค่าชีวิตเราที่มีเหมือนดวงตะวัน โดยเป็นสามข้อแรกของบทความ หากผู้อ่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม หรือบทเรียนรู้คุณค่าตัวเองเฉกเช่นดวงตะวันนอกเหนือที่บทความกล่าวถึง ก็สามารถแลกเปลี่ยนและต่อยอดตามช่องทางที่เหมาะสม . . 1 ใครชอบใครชัง แสงตะวันไม่เปลี่ยนแปลง : มิว่าคนอื่นจะรักหรือรังเกียจเรา คุณค่าชีวิตที่เรามีนั้นมิเคยเปลี่ยนแปลง ไม่เคยมากขึ้นหรือลดลงเลย เหมือนการทำหน้าที่ของดวงตะวันทุกๆ วัน ย่อมมีบ้างที่คนเราจะตำหนิ หรือชื่นชมยินดีกับแสงสว่างและความร้อนจากบนฟากฟ้า แต่เสียงจากคนเรานั้นก็ไม่เคยส่งผลให้การทำหน้าที่ของตะวันผันแปร… Continue reading 7 คุณค่าชีวิตดั่ง “ดวงตะวัน” (ตอนแรก)

5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนที่สอง)

      5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนที่สอง)     เราทุกคนต่างเป็นมากกว่าที่เราคิด เป็นมากกว่าที่เราเชื่อ แต่โชคร้ายที่หลายครั้งเราจำกัดตัวเองไว้ในกรอบความคิดและความคุ้นเคยชิน จนบดบังอำพรางสิ่งที่เราเป็นแท้จริงอยู่ข้างใน บ่อยครั้งที่เราตัดสินตัวเองเหมือนตัดสินหนอนแก้วตัวหนึ่งว่ามันไม่อาจมีชีวิตที่บินได้ . ชีวิตของผีเสื้อ เป็นตัวอย่างของการรู้จักตน และมอบบทเรียนการเริ่มต้นให้แก่ชีวิตมนุษย์ บทความหัวข้อนี้ริเริ่มชวนเราผู้อ่าน ย้อนมองรอยทางของเขา จากชีวิตหนอนผู้คืบคลาน สู่ผีเสื้อที่ขยับปีกอันแสนสวย ไม่ได้พยายามเป็นอย่างใครอื่น แต่พยายามเป็นอย่างที่ตนเองเป็นจริง เผยคุณค่าและความงามจากข้างในสู่ภายนอก . ขณะที่เราใช้ชีวิต เพียงเพื่อพยายามจะเป็นคนอื่น เราอาจไม่มีวันได้พบความสุขแท้ได้เลยในปัจจุบัน หากเรารู้สึกว่าตนเองกำลังใช้ชีวิตและทำงานไปอย่างเหนื่อยล้าและเบื่อหน่าย เราอาจต้องกลับมาตั้งคำถามที่สำคัญแก่ตนเองได้แล้วว่า อะไรคือสิ่งที่เราควรจะริเริ่มเพื่อชีวิตอย่างที่ควรเป็นอย่างแท้จริง . นอกเหนือจาก 5 ข้อคิดการริเริ่มดังบทความทั้งสองตอนนี้ ผู้อ่านคนใดเห็นข้อคิดอื่นๆ หรือต้องการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมก็สามารถร่วมแชร์และบอกเล่าผ่านช่องทางที่เหมาะสม . . ข้อที่ 3 กล้าทิ้งจึงเกิดใหม่ : หลังจากผ่านช่วงฟูมฟักในดักแด้ หยุดนิ่งอยู่กับตนจนเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง หัวของเขาค่อยๆ ดันคราบดักแด้ ทะลุเปลือกขึ้นจากด้านบน ปีกที่พัดเป็นจีบดันออกเบื้องหลัง ค่อยๆ คลี่คลายปีกงามออกช้าๆ ด้วยความช่วยเหลือจากแรงดึงดูดของโลกและการผลักดันของของเหลวในร่างกาย แล้วผีเสื้อก็ปรากฏจากหนอนแก้ว .… Continue reading 5 ข้อคิดการริเริ่มจาก “ผีเสื้อ” (ตอนที่สอง)