“อารมณ์ศิลปะ” คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก #๘

  “อารมณ์ศิลปะ” คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก #๘ โดย น้องเล็ก   “We rip the start, the colors disappear I never watch the stars there’s so much down here So I just try keep up with them Red, orange, yellow flicker beat sparking up my heart.”*   เขาว่ากันว่าศิลปินเมื่อผิดหวังหรือไม่พอใจในบางสิ่งบางอย่าง จะสามารถสร้างผลงานชิ้นเอกได้ ณ เวลานั้น เขาจะทุ่มเทหัวใจและฝีมือสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงความเจ็บปวดและโศกเศร้า ระบายความไม่ได้ดั่งใจและโทสะ ซึ่งฝังรากหยั่งลึกในหัวใจของเขาออกมาสู่งาน ความผิดหวังยิ่งรุนแรงมากเท่าใด อารมณ์ที่ส่งต่อสู่ชิ้นงานก็จะมีความจริงจังมากขึ้นเท่านั้น สร้างสรรค์ศิลปะประดับคู่โลกใบนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ฉันไม่เคยอยากสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเลยด้วยซ้ำไป เพราะฉันไม่เห็นถึงความสวยงามที่งานศิลปะมีนอกเหนือไปจากวัตถุธรรมดาก็มีได้… Continue reading “อารมณ์ศิลปะ” คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก #๘

วันเวลาให้โอกาส

  หายใจเข้า ในแต่ละนาที เราหายใจเข้าและออกมากเพียงใด ลมหายใจเราเดินทางสู่ภายในสั้นยาวเพียงไหน หายใจออก ปลดปล่อยลมหายใจตามวันเวลา มิใช่ปล่อยปละลมหายใจล่วงผ่านวันเวลา ชีวิตเรามีคุณค่า ลมหายใจเราจึงมีคุณค่าเกินกว่าจะทอดทิ้ง บางเหตุการณ์ ยากเหลือจะรับมือ เราต่างต้องการความเข้มแข็ง แต่บางทีหัวใจข้างในก็มิอาจฝืนยืนหยัด ล้มลงยอมอ่อนแอ เราหวังว่ากาลเวลาจะช่วยเยียวยา บางเหตุการณ์ มิอาจคิดหาหนทางแก้ บางคนบางใครยากเหลือจะสื่อสารกันให้เข้าใจกว่านี้ เราหวังว่าวันเวลาจะช่วยประสาน หวังว่าท้องฟ้าแห่งกาลเวลาวันหน้าจะเปิดโล่งแจ่มใส มีแสงส่องกระจ่างให้เห็นหนทางไป จากวันนี้ที่มืดมน หายใจเข้า วันเวลาช่วยแก้ไขได้จริงหรือไม่ หรือบางสิ่งที่ในใจเราเองที่จะเปลี่ยนแปลงผ่านวันเวลา หากชีวิตเราคือการก้าวเดิน วันเวลาที่มิใช่สายลมที่พัดพาเราก้าวไปข้างหน้า หากแต่วันเวลาคือระยะทางที่สองเท้าของชีวิตย่างก้าว ระยะทางนั้นมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเอง แต่เกิดขึ้นจากความตั้งใจและการลงมือทำของเรา หายใจออก ในโลกของหน้ากระดาษ ทุกบรรทัดคือโอกาสของการสร้างสรรค์ พื้นที่ว่างหยิบยื่นทางเลือกให้เราตัดสินใจ ลากเส้นขีดสีเติมคำ ดำเนินเรื่องราวและเนื้อหา ลมหายใจจับปากกาเชื่อมโยงชีวิตสู่ทุกการกระทำ เหตุการณ์ในตอนนี้เรารู้สึกอับจนหนทาง เรารอคอยและฝากฝังกาลเวลาดูแล สิ่งนี้บอกว่าเรากำลังมีความหวัง เราหวังว่าสิ่งต่างๆ จะดีขึ้นตามโอกาสและจังหวะของมันเอง การคิดเช่นนี้ ในแง่ดีคือการไม่ยึดติด ไม่บีบคั้น และผ่อนคลายตน ปล่อยให้เรื่องราวเป็นไปตามธรรมชาติจัดสรรบ้างก็ดี มิจำเป็นต้องบังคับการเขียนให้เป็นไปตามแผนทุกวรรคตอน ยอมให้ปากกานำทางบ้าง เราอาจได้แตกแถวของความคิดแบบเดิมหรือมุมมองแบบเดิม ได้เห็นเรื่องราวใหม่ เปิดโอกาสให้สิ่งที่ไม่คาดฝันได้ผลิเผย แต่ทว่า หากเราปล่อยให้วันเวลาจัดการ… Continue reading วันเวลาให้โอกาส

อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๑๗

  “วันเวลาให้โอกาส” ……หากชีวิตเราคือการก้าวเดิน วันเวลาที่มิใช่สายลมที่พัดพาเราก้าวไปข้างหน้า หากแต่วันเวลาคือระยะทางที่สองเท้าของชีวิตย่างก้าว ระยะทางนั้นมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเอง แต่เกิดขึ้นจากความตั้งใจและการลงมือทำของเรา… “อารมณ์ศิลปะ” …… เขาว่ากันว่าศิลปินเมื่อผิดหวังหรือไม่พอใจในบางสิ่งบางอย่าง จะสามารถสร้างผลงานชิ้นเอกได้ ณ เวลานั้น เขาจะทุ่มเทหัวใจและฝีมือสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงความเจ็บปวดและโศกเศร้า ระบายความไม่ได้ดั่งใจและโทสะ ซึ่งฝังรากหยั่งลึกในหัวใจของเขาออกมาสู่งาน….   ~ ภาพปก จากอบรม “พลังแห่งจิต หนึ่งคิดลิขิตใจ” ~   อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ๑๗ ณ ธันวาคม ๒๕๕๘ 
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ 
อนุสารรายครึ่งเดือน คืนเดือนเพ็ญและคืนเดือนมืด อ่านเพื่อประจักษ์ชีวิต ลิขิตเพื่อใคร่ครวญตน   รายการบทความประจำ ฉบับ ความหลังครั้งยุวชนสยาม ตอนที่ ๔ ตามขุด คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา ตอน วันเวลาให้โอกาส คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก ตอน อารมณ์ศิลปะ คอลัมน์ สัมผัสใน… Continue reading อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๑๗

“เขียน = ค้นพบตัวเอง ” ประจำปี ๒๕๕๙ เปิดรับสมัคร

    การอบรมกึ่งออนไลน์ และ Workshop ๒ วัน กระบวนการเขียนเชิงกระบวนการจิตวิทยาเพื่อการรู้จักตน “เขียน = ค้นพบตัวเอง” ประจำปี ๒๕๕๙ โดย สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ในความร่วมมือกับ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ   *** เปิดรับสมัครเฉพาะ Workshop แบบที่ ๑ : วันที่ ๑๖ – ๑๗ มกราคม  *********   “การเขียนลักษณะนี้มิใช่การเขียนเพื่อการสร้างสรรค์ผลงานแต่เป็นการค้นหาและการเดินทางเพื่อการรู้จักตนเอง เสมือนหน้ากระดาษคือบานกระจกเงา เมื่อเราเขียนในกระบวกการนี้ คือการที่เรากำลังส่องดูตน หัวข้อ การเขียน = ค้นพบตัวเอง ถือเป็นหัวข้อการอบรมแรกของหลักสูตรเขียนเปลี่ยนชีวิตกึ่งออนไลน์ ก่อนที่จะก่อเกิดเนื้อหาการอบรมการเขียนเพื่อการบำบัดเยียวยาและการภาวนา ตามลำดับ สำหรับผม ผู้สอนและผู้เชื้อเชิญให้เราร่วมเดินทางผ่านปลายปากกาและเส้นสี การเขียนเพื่อย้อนมองตนถือเป็นประสบการณ์ช่วงแรกของการค้นคว้าการเขียนกับการพัฒนาชีวิต โดยใช้ลมหายใจและวิญญาณของตน ส่องดูตนเองหลากหลายด้านและผ่านอุบายการเขียนหลากหลาย ก่อนจะเริ่มตกผลึกจากประสบการณ์สังเกตความเป็นตัวตน ทดลองสอน สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ก่อนการเขียนเชิงกระบวนการจะเริ่มชัดเจนและทักษะการให้คำปรึกษาเชิงการสะท้อนร่วมกันจะหนักแน่น ผมประจักษ์ว่าการเดินทางเพื่อการค้นหาตนหรือเพื่อรู้จักตนเองมิใช่เส้นทางที่ตายตัวและสุดสายง่ายดาย กลไกการยึดมั่นและการปล่อยปละยังคงปิดบังตาเราอยู่หลายครั้งหลายหน… Continue reading “เขียน = ค้นพบตัวเอง ” ประจำปี ๒๕๕๙ เปิดรับสมัคร

ยิ่งหนียิ่งเจอะเจอ

  หายใจเข้า วันเวลาเดินทางมาพร้อมลมหายใจ กาลเวลามาสู่เราเป็นธรรมดา ลมหายใจมาสู่เราเป็นความจริงของชีวิต สิ่งต่างๆเข้ามาผูกพันใจเป็นความจริงธรรมดา เรามิอาจหนีลมหายใจ การหนีลมหายใจเท่ากับการหนีชีวิต หายใจออก เรามิอาจเลี่ยงหายใจออก ลมหายใจกลับคืนสู่บ้านตามธรรมดา การพลัดพรากเป็นความจริงของชีวิต เว้นพื้นที่ให้วันเวลาใหม่เติมเต็ม เรามิอาจยื้อลมหายใจออก การหนีลมหายใจเท่ากับการหนีที่จะมีชีวิต เราอาจรู้สึกว่าสิ่งใดยิ่งพยายามหลบเลี่ยงหรือหลีกหนีก็ยิ่งเจอะเจอ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น หายใจเข้า ลองหนีลมหายใจออก ไม่หายใจออก อัดอั้นไว้สักครู่ เราจะยิ่งรู้สึกจะต้องหายใจออก ยิ่งหายใจออกชัดเจน อาจหอบโล่งออก อาจยิ่งหายใจถี่กว่าเดิมหากกลั้นไว้นาน หายใจออก เรายิ่งหนีการหายใจ เรายิ่งเจอะเจอการหายใจ เพราะร่างกายมิอาจขาดลมหายใจ เพราะการหายใจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะการที่ชีวิตต้องหล่อเลี้ยงด้วยลมหายใจเป็นความจริงที่เรามิอาจปฏิเสธ บางครั้งเราอาจรู้สึกเหมือนกับว่าการที่เราหนีบางสิ่งมาโดยตลอดยิ่งดั่งมีแรงดึงดูดจากตัวเรา ดึงให้สิ่งเหล่านั้นที่เราไม่อยากพบเข้าใกล้ เราอาจพลอยตำหนิว่า เป็นเพราะตัวเราไม่ดี สิ่งต่างๆเหล่านั้นจึงเกิดขึ้น หรือเราอาจพลอยคิดเชื่อว่า ชีวิตเราเป็นแม่เหล็กดึงดูดสิ่งไม่ดีเหล่านั้นเสมอ เมื่อเรายิ่งพบเจอสิ่งเหล่านั้นที่มิต้องการเจอะเจอ เราก็ยิ่งทุกข์ใจ สิ่งเหล่านั้นเป็นดั่งลูกศรดอกแรกที่ทำให้เราทุกข์ แต่เราก็ทำให้ตัวเองทุกข์ซ้ำด้วยลูกศรดอกที่สองคือความคิดความเชื่อที่ตอกย้ำตัวเองในทางลบอย่างผิดๆ หายใจเข้า เราไม่ใช่คนผิดหากว่าการหายใจเข้า พาสิ่งสกปรกในอากาศ หรืออากาศอันเป็นมลภาวะเข้าสู่ร่างกาย แต่สิ่งไม่ดีเหล่านั้น มีอยู่แล้วในอากาศรอบตัวเรา บุคคลเหล่านั้นที่มีบางสิ่งรบกวนใจเรา เขาเป็นอยู่ และเป็นมาด้วยวิถีของเขาอยู่แล้ว เรามิใช่ต้นเหตุหรือเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเหล่านั้นเข้ามา  พวกเขาเพียงมีอยู่บนโลก มีและเป็น ทั้งดีและเสีย… Continue reading ยิ่งหนียิ่งเจอะเจอ

“บทที่ขีดเขียน” คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก #๗

    “บทที่ขีดเขียน” คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก #๗  โดย น้องเล็ก     “Down an unknown road to embrace my fate
 Though that road may wonder,it will lead me to you 
And a thousand years would be worth the wait 
It may take a lifetime but somehow I’ll see it through.”*   นิยามของคำว่ารักยังคง undefined ต่อไป แต่ฉันเชื่อว่าความรักที่แท้จริงทำให้เราอยากเป็นคนดี อยากพัฒนาตัวเองให้เหมาะสมกับเขา หรืออย่างน้อยทำให้เขาภาคภูมิใจและไว้วางใจเรา… Continue reading “บทที่ขีดเขียน” คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก #๗

อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๑๖

      “ยิ่งหนียิ่งเจอะเจอ” ……เรายิ่งกลัวเกรงที่จะยอมรับและเรียนรู้ความจริงข้อใด เรายิ่งต้องพบเหตุการณ์เพื่อพาเราเรียนรู้และยอมรับความจริงข้อนั้น ยิ่งเราหนีจากความจริงของชีวิต เราย่อมเสี่ยงที่จะไม่เข้าใจชีวิต… “บทที่ขีดเขียน” …… ฉันเชื่อว่าความรักที่แท้จริงทำให้เราอยากเป็นคนดี อยากพัฒนาตัวเองให้เหมาะสมกับเขา หรืออย่างน้อยทำให้เขาภาคภูมิใจและไว้วางใจเรา ….     ~  ภาพปก จากปกหลังหนังสือ “เขียนดั่งเป็นกระจก” หนังสือใหม่ของสถาบัน อ่านฟรีได้ที่เว็บไซต์ ~     อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ๑๖ ณ ธันวาคม ๒๕๕๘ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒   อนุสารรายครึ่งเดือน คืนเดือนเพ็ญและคืนเดือนมืด     อ่านเพื่อประจักษ์ชีวิต  ลิขิตเพื่อใคร่ครวญตน ดาวน์โหลดได้ที่ https://www.dhammaliterary.org/wp-content/uploads/2015/12/อนุสารธรรมวรรณศิลป์๑๖.pdf     ความหลังครั้งยุวชนสยาม ตอนที่ ๓ สร้างนาม คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา ตอน ยิ่งหนียิ่งเจอะเจอ คอลัมน์… Continue reading อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๑๖

อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๑๕

“ยิ่งกลัวยิ่งสูญเสีย” ……การพบและการพรากล้วนมีคุณค่าความหมาย แสงตะวันยามตื่นจากหลับใหล แสงสีทองผ่องอำไพ ประกายจับน้ำค้าง ช่างงดงามนัก แต่แสงตะวันยามล่วงลับก็งามมิแพ้กัน… “พรหมโวหาร” ……เมื่อเราค้นใจเราจนเข้าใจ เราย่อมเห็นว่ามีสิ่งงดงามอยู่ข้างในนี้มากมาย โดยเฉพาะความรักที่แนบเนาดั่งเมล็ดภายใน หากวาจาเป็นดั่งผลที่งอกงามจากสวนหัวใจแล้ว เราย่อมเลือกได้ที่จะนำสิ่งที่ดีที่สุดมอบแก่คนอื่นๆ… “ให้รักนำทาง” …… Like dark turning into day Somehow we’ll come through….   อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ๑๕ ณ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ อนุสารรายครึ่งเดือน คืนเดือนเพ็ญและคืนเดือนมืด   ความหลังครั้งยุวชนสยาม ตอนที่ ๒ ก่อร่าง คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา ตอน ยิ่งกลัวยิ่งสูญเสีย คอลัมน์ ปัญญามีความรัก ตอน พรหมโวหาร คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก ตอน  ให้รักนำทาง คอลัมน์… Continue reading อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๑๕

“พรหมโวหาร” คอลัมน์ ปัญญามีความรัก #๔

    เล็ก ฉันรู้ว่าเราต่างยากปรับเข้าหาและเข้าใจกันในหลายจังหวะของการพบเจอและการสื่อสารที่ผ่านมา ฉันขอโทษเธอนะหากวาจาใดได้เคยพาใจเธอหม่นมัวหรือเจ็บปวด เพราะความหม่นมัวที่ฉันมีหรือความเจ็บปวดที่หวังเธอดูแล ฉันดีใจที่เธอให้อภัยและวางใจให้ถ้อยคำของฉันยังแนบเนาอยู่ใกล้ๆ ดวงใจ คนดี หลายครั้งเชียวนะที่ถ้อยคำของบุคคลที่เรารักหรือผูกพันกลายเป็นแส้ที่เฆี่ยนตี การทำร้ายกันเกิดขึ้นตั้งแต่ในโลกใบเล็กคือครอบครัวจนโลกใบใหญ่ในสังคม หัวใจเธอเจ็บปวดเพราะสิ่งใดนะ ฉันฟังน้ำตาของเธอ ดวงตาเธอคล้ำหมอง เส้นผมเธอหลุดร่วงลง ความมืดดำของหัวใจที่รักเธอและเธอรัก กลืนกินร่างกายและจิตใจเธอเนิ่นนาน ไยคนที่รักเธอจึงมิเห็นว่าความมืดดำของตนได้ทำร้ายกันมามากเพียงใด เขาหวังให้เธอเปลี่ยนแปลง แต่มิได้ย้อนมองสิ่งที่ตนต้องแปรเปลี่ยน ความรักควรจักกร่อนอัตตา ให้เหมือนน้ำอันอ่อนโยนกัดเซาะผาหินมิใช่หรือ เมื่อเรารักใครอย่างแท้จริง เราอาจยอมแม้แต่ลดความเป็นตนเอง เพื่อเปิดรับความเป็นคู่ หรือหัวใจอีกดวงอยู่ในรั้วรอบขอบใจ เล็ก เราจะเอ่ยคำหรือสื่อสารอย่างไร เราควรกล่าวความจริง หรือเก็บงำอำพลาง เราลองเรียนรู้จากท่านผู้เป็นเช่นนั้นนะ ท่านกล่าวคำสัตย์เสมอ แต่หัตถ์อันเมตตาก็เลือกเฟ้นใบไม้หรือดอกไม้มอบให้แก่เราเพียงบางส่วน สิ่งใดแล้วพูดแล้วถูกใจแต่ไม่จริง ท่านก็เลือกไม่เอ่ยคำวาจา สิ่งใดแล้วเป็นจริงแต่เอ่ยไปเกิดโทษมิเห็นค่าในครานั้น ท่านก็เลือกเงียบคำมิกล่าวถึง สิ่งใดแล้วเป็นเท็จลวงกล่าวแล้วก็ไร้คุณ ท่านก็มิเลือกหยิบยื่นแก่การสนทนา ต้องเป็นความจริงและมีคุณค่า มีคุณประโยชน์เหมาะแก่กาละ เทศะ บุคคล และสิ่งต่างๆ แล้วเท่านั้น ท่านพระสัมมาสัมพุทธจึงตรัสกล่าวแก่เราทั้งหลาย ฉันเคยเตือนเธอเล็กเอย บางสิ่งเราเพียงรู้จริงต่อกัน ทำดีต่อกัน แต่อาจมิเหมาะสมที่จะกล่าวถึงในตอนนี้ หากกล่าวเฉลยแล้วก็จะมีภัยจนถึงวันหน้า ฉันให้อภัยเธอที่หลงลืมนะ และเล็กเอย สิ่งใดที่เธอควรกล่าว เป็นความจริง… Continue reading “พรหมโวหาร” คอลัมน์ ปัญญามีความรัก #๔

“ให้รักนำทาง” คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก #๖

    “ให้รักนำทาง” คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก #๕  โดย น้องเล็ก     “Like dark turning into day Somehow we’ll come through Now that I’ve found you Love will find a way.”*   ฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ามนุษย์แต่ละคนแตกต่างกัน แตกต่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนา ทัศนคติและความเชื่อ ซึ่งมีผลมาจากการกระทำที่ต่างกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงไม่เหมือนกัน แต่ฉันก็เชื่ออีกว่ามนุษย์เรานี่ช่างเหมือนกันเสียนี่กระไร ทั้งความรู้ไม่จริง ทั้งมีความฝัน ความอยาก ความชอบ และความรัก… ความรักนี่แหละที่เป็นบ่อเกิดของสรรพสิ่ง ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงเชื่อมั่นในความรักนักหนา ทั้งๆ ที่มันเป็นนามธรรม พิสูจน์ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าไม่ได้ แต่ฉันก็เชื่อมาโดยตลอดว่า ความรักเป็นบ่อเกิดของทุกสิ่งจริงๆ ‘แตกต่างเหมือนกัน’ ท่ามกลางโลกที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา ร้อยพ่อพันแม่ บัณฑิตแลนักปราชญ์ผู้แสวงหาความจริงอาจรู้สึกเหว่ว้าได้ง่ายๆ ยิ่งเป็นบัณฑิตผู้มีไหวพริบสติปัญญาเฉียบ ความเบื่อหน่ายในชีวิตมนุษย์ย่อมเกิดขึ้นภายในใจของบัณฑิตผู้นั้นอย่างแน่นอน… Continue reading “ให้รักนำทาง” คอลัมน์ บันทึกเล็กเล็ก #๖