มีปีใหม่ในทุกๆ วัน

  มีปีใหม่ในทุกๆ วัน     เมื่อยามแรกลมหนาวของปีก่อน โบกบินมาสัมผัสทักทายบ้านเรา ต้นโมกข์และบางแมกไม้ก็ปลิดใบร่วงหล่นจนต้นเปลือย และบ้างคงแต่ใบเหลืองเหี่ยวแห้ง ใครบางคนเอ่ยว่ามันไม่น่ารอดแล้ว มันกำลังจะตาย ผมมิเห็นเช่นนั้น แต่วางใจในฤดูกาลของชีวิตและสิ่งที่ต้นไม้เหล่านั้นได้เลือกแล้ว แต่ยอมให้แม่ตัดกิ่งใบของโมกข์ลงจนแคระกว่าเดิม เพื่อให้โอกาสเขาได้ต่อยอดผลิใบใหม่ ล่วงราวสองสัปดาห์ ทุกต้นในบ้านที่ปลิดทิ้งใบไม้เสียเกลี้ยงต้น ผลิใบน้อยๆ สีเขียวน่ารักขึ้นแซมเสียงามตา มีเพียงต้นไผ่หน้าบ้านที่มิยอมปลิดใบลงมากเท่าที่ควร พยายามถนอมรักษาใบที่มีอยู่จนแห้งเหลืองไปทั้งต้น ระหว่างที่ผมบันทึกสังเกตการณ์พวกเขา ปีเก่าได้เพิ่งล่วงเลยไปได้สามวัน ตนเองนั้นมิได้เดินทางไกลเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลนี้แต่อย่างใด แต่เรียนรู้อยู่กับที่อย่างไม่ปิติยินดีการมีปีใหม่ มากไปกว่าการมีอยู่ของแต่ละวันในชีวิต ต้นไม้ที่บ้านก็มิได้ดูดีใจหรือต้องจัดงานต้อนรับปีใหม่ หากแต่เขาพร้อมที่จะทิ้งใบและงอกงามใหม่อยู่เสมอแทบทุกวัน ทิ้งหนึ่งใบเพื่อเปิดโอกาสให้ใบใหม่ก่อเกิด บางต้นมีดอกไม้รอผลิบานให้เราประหลาดใจและชื่นชม มีปีใหม่อยู่เสมอในแต่ละวันสำหรับต้นไม้ มีอยู่ในคนเราด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่เห็นคุณค่าในเวลาที่มีและเปิดกว้างต่อการเริ่มต้น ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ผมตัวเล็กๆ คนนั้นเคยปลูกต้นกุหลาบจนสูงและผลิดอกน่ารัก เป็นต้นไม้แสนรักดุจดังต้นส้มของเซเซ่ จนวันหนึ่งเขาป่วยลงและแม่บอกว่าเราต้องตัดรอนกิ่งและต้นลงเพื่อรักษาชีวิต ยามนั้นใจรู้สึกกลัวและกังวล เหมือนกำลังจะสูญเสียเพื่อนคนสำคัญ ผมออกมายืนดูเขาในยามค่ำดาวพราวแสง จับต้นสัมผัสรู้สึกรู้สา ปวดร้าวในใจลึกๆ เมื่อมองลำต้นที่กุดด้วน ผมกลัวการพลัดพรากจากลา และเขาเป็นเพื่อนที่รับฟังผมมากที่สุดคนหนึ่ง รองจากสมุดบันทึกเท่านั้นเอง แต่หากเราไม่ยินยอมให้มีการลดละลงเสียบ้าง ชีวิตคงเป็นเหมือนต้นไผ่หน้าบ้านตอนนี้ ผู้มิยอมปลิดทิ้งใบลงแต่ยอมเหลืองและแห้งเพื่อรักษาใบ ผมคงมิมีโอกาสได้เป็นเพื่อนกับต้นกุหลาบต้นนั้นต่ออีกระยะหนึ่งจนหมดอายุขัยของเขา ปีใหม่จึงจะเป็นเพียงแค่เทศกาลให้เราปลดเปลื้องภาระชั่วคราว เพียงเพื่อกลับมาแบกรับและเหนื่อยหนักอย่างเก่า ปีใหม่จึงจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ให้เราสุขสันต์… Continue reading มีปีใหม่ในทุกๆ วัน

รวมบทเรียน เขียนภาวนา ประจำปี ๒๕๕๙

        รวมบางบทเรียน “เขียนภาวนา:กึ่งออนไลน์” กันยายน ๒๕๕๙ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ครูคะ ขวัญได้อ่านบันทึกของคนอื่นแล้ว ได้เห็นว่าทุกคนต่างมีทุกข์และกําลังหาทางพ้นทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น เห็นความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ ในคนอื่น ทําให้เห็นความเข้มแข็ง และ ความกล้าหาญในตัวเองด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะครู ___ ฉันไม่จำเป็นต้องยึด ฉันสามารถ ครั้งที่2 ฉันไม่จำเป็นต้องยึดในแบรนด์กระเป๋า นาฬิกา รองเท้า เสื้อผ้า ที่ฉันคิดว่าทำให้ฉันดูดี มีคุณค่า ไม่รู้สึกต้อยตํ่า ฉันสามารถรู้สึกมีคุณค่าได้เมื่อฉันหิ้วกระเป๋าที่ฉันชอบโดยไม่ต้องมีแบรนด์ ฉันสามารถใส่นาฬิกาที่ฉันชอบโดยที่ไม่ต้องมีแบรนด์ ฉันสามารถซื้อในเวลาที่ฉันจำเป็นต้องใช้เท่านั้น ฉันสามารถเห็นในเวลาที่ฉันอยากซื้ออยากได้ในเวลาที่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ ฉันสามารถให้กระเป๋า นาฬิกา รองเท้า ที่เกินความจำเป็นแก่คนที่จำเป็นกว่าฉัน ฉันสามารถขายกระเป๋า นาฬิกา ที่เกินความจำเป็น เพื่อนําเงินมาจุนเจือ เพื่อความภาคภูมิใจ ในการที่ฉันสามารถละ ลด เรื่องนี้ได้ ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่มีแบรนด์ ฉันไม่จำเป็นต้องยึดในแบรนด์ที่คนอื่นใส่ ฉันไม่จำเป็นต้องใส่ใจมองหาว่าคนอื่นใส่แบรนด์อะไร ของจริงหรือของปลอม ฉันไม่จำเป็นต้องคอยเปรียบเทียบว่าแบรนด์ที่ฉันใส่ดีกว่าหรือด้อยกว่าเค้า ฉันไม่จำเป็นต้องตัดสินคนจากแบรนด์ที่เค้าใส่ ฉันสามารถมองเห็นคนอื่นจากความดีงาม บุคลิคภาพ การพูดจา… Continue reading รวมบทเรียน เขียนภาวนา ประจำปี ๒๕๕๙

บันทึกวันที่พ่อจากไป

  ” พ่อไม่อาจอยู่กับลูกได้นานกว่านี้แล้ว พ่อจำเป็นต้องปล่อยมือเพื่อกายใจลูกจักเข้มแข็งและเติบใหญ่ พ่อมิอาจเดินต่อกับลูกไกลกว่านี้ ทั้งหมดคือนิ้วที่พ่อชี้ทาง แต่ลูกจะก้าวไปไหม . ลูกรักพ่อ หากแต่เวลานี้ได้มาถึง ดังสัญญาณที่แสงอุทัยล่วงลับ ลูกอย่าได้ฝากศรัทธาไว้ที่พ่อลำพัง หัวใจน้อยจงเป็นดวงดาว เปล่งแสงแห่งคุณค่าแก่แผ่นดินนี้ เพื่อที่สิ่งที่ดีที่สุดของพ่อ จักยังคงอยู่ในลูกทุกคน และดำรงอยู่ในบ้านที่พ่อแสนห่วงใย . ถึงเวลาลูกต้องเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองดังคำสอน พ่อจากไปเป็นสัญญาณ ว่าหมดเวลาแล้วที่ลูกจะย่ำก้าวซ้ำกับที่เดิม ลูกจำเส้นทางที่พ่อชี้ให้เห็นไหม ความดีของพ่อจักเคียงข้างทุกก้าวย่างของลูกบนทางนี้ แรงใจและแรงกายที่พ่อลงแรงเพื่อแผ่นดิน คือความเข้มแข็งในทุกมือและหยาดเหงื่อที่ลูกทำเพื่อบ้านเรา ลูกจำดวงตาที่พ่อมองต่อลูกทุกคนได้ไหม ขอให้ลูกมองพี่น้องของตนเช่นนั้น ให้รักของพ่อมีลมหายใจในลูกทุกคนเสมอ . และพ่อจักอยู่ที่นั่น ท่ามกลางหัวใจที่งดงาม ”   บันทึกวันพ่อจากไป… ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙     ติดตามอ่านคอลัมน์ “บันทึกนักเขียนบำบัด” ได้ที่ https://www.dhammaliterary.org/?page_id=3904    

คนเราสามารถหลอกตัวเองได้ไหม ?

    ถาม : คนเราสามารถหลอกตัวเองได้ไหม ? ตอบ : หลอกได้ และคนเราส่วนใหญ่หลอกตนเองอยู่เรื่อยๆ ตามหลักจิตวิทยาและพุทธศาสนา ที่เราบอกกันว่า “คนเราหลอกใครก็หลอกได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้” เป็นทั้งความจริงและไม่จริง ตราบใดที่เรามีความอยาก(ตัณหา)และความยึด(มานะและอุปาทาน) เราก็ยังคงหลอกตนเองอยู่มากบ้างน้อยบ้าง หลอกตนเองคือ การไม่ยอมรับความจริงเกี่ยวกับตนเองและชีวิตอย่างที่เป็นจริง เพราะมีความอยากให้เป็น ความอยากไม่ให้เป็น และการสำคัญมั่นหมายเอาเองว่าสิ่งต่างๆ เป็นอย่างไร ตามหลักจิตวิทยาแล้ว การหลอกตนเองถือเป็นหนึ่งในกลไกการปกป้องตนเอง ทั้งการโทษคนอื่นโดยไม่มองตนเอง ทั้งการหลบเลี่ยงปัญหาหรือข้อบกพร่องของตน หรือการกลบเกลื่อนความจริงไว้ด้วยการคิดต่างๆ เกิดจากความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาหรือสถานการณ์ต่างๆ อย่างที่มันเป็น เพราะลืมความกล้าหาญและความเข้มแข็งที่แท้จริงในตนเองไป การหลอกตนเองนั้นยังเป็นการยึดถือเอาด้านใดด้านหนึ่งของตนเอง เช่น ติดดี หรือ จมปลักกับข้อเสียของตนเอง แต่ไม่มองตนเองให้รอบด้านว่า เราเองก็เป็นคนอีกแบบหนึ่งด้วย เราไม่ได้มีสิ่งแย่ๆ แบบนี้อย่างเดียว แล้วเราเองก็มีจุดบอดหรือสิ่งที่ต้องแก้ไขแต่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน กรณีแบบนี้ถ้ามีคนมาว่าเราหรือเจอเหตุการณ์ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่เรายึดมั่น เราก็จะเป็นทุกข์ และพยายามกลบเกลื่อนความจริงด้วยการหลอกตนเองแบบต่างๆ ดังที่ยกตัวอย่างมา ถาม : แล้วที่บอกว่า คนเราหลอกตัวเองไม่ได้ก็เป็นความจริงด้วย ? ตอบ : เราอาจกลบเกลื่อนมันได้ แต่ในที่สุดความทุกข์ก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี เหมือนหมักหมมปัญหาไว้… Continue reading คนเราสามารถหลอกตัวเองได้ไหม ?