8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สาม)

 

คุณค่าดั่งแม่๓

 

 

8 คุณค่าที่เรามีดั่ง “แม่” (ตอนที่สาม)
.
เคยมีบ้างหรือไม่ที่เราสงสัยในความรักจากแม่ แม้หลายหัวใจชื่นชมคุณค่าแห่งรักผ่านถ้อยคำร้อยรำพันนานา แต่ไยหัวใจดวงนี้บางคราจึงสงสัย หรือมิอาจรู้สึกถึงรักจากท่าทีท่านได้
.
มีอะไรผิดแปลกไปหรือไม่ เราดีไม่พอหรือ หรือแม่เรามิใช่เหมือนคนอื่น หัวใจเด็กน้อยแม้ในยามเป็นผู้ใหญ่ อาจสงสัยเช่นนี้ ด้วยหลายครั้งท่าทีและหัวใจคนเราไม่ตรงกัน ปากห่างไกลจากหัวใจ
.
แม่เรานั้นไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ ลูกเองก็เช่นกัน ไม่มีใครสมบูรณ์และทำให้เราพอใจทุกประการ ความรักระหว่างแม่กับลูกคือบทเรียนยิ่งใหญ่ของรัก ซึ่งรักได้แม้อีกฝ่ายทำร้ายตนเองก่อน รักแม้ไม่เคยใช้เวลายาวนานทำความรู้จัก และรักแม้ต่างไม่สมบูรณ์แบบ มีข้อดี มีข้อติ แต่มิใช่ข้อบั่นทอนคุณค่าของการพบเจอ
.
คู่รักหลายคู่ต่างก็แยกย้าย เพียงเพราะความต่างและความไม่สมบูรณ์ของกัน แม้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมายาวนานหรือให้เวลารู้จักมักคุ้นกันแล้ว แต่แม่กับเรา แม้เคยทะเลาและผิดใจกันปานใด หรือมีเหตุเป็นอันต้องทำร้ายกายใจกัน ความเป็นแม่และลูกยังคงมั่น แม้เรารู้สึกถึงรักไม่ชัดเจน แต่กายใจเราที่เป็นอยู่คือประจักษ์พยานรักจากแม่ แม้รักนั้นอาจไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม
.
บทความตอนที่ 3 นี้คือคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในการเป็นแม่ เป็นทั้งสิ่งล้ำค่าและบทเรียน ที่เราต่างมีอยู่ในตัวเรา มิว่าเราเพศชายหรือหญิง เป็นแม่หรือไม่ เราทุกคนมีความเป็นแม่อยู่ในตัวเอง เพราะเราเกิดมาจากแม่
.
หากผู้อ่านมีข้อคิดเห็นหรือความรู้สึกใดต้องการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมนอกเหนือจากเนื้อหาก็สามารถแบ่งปันได้ตามช่องทางที่เหมาะสม
.
.
6 ให้ทางแก่คนที่รัก : รักแท้ที่เป็นสุขและประโยชน์ต่อทั้งสอง ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันเสมอ ความรักมิจำเป็นต้องแสดงออกด้วยการโอบ “รัด” เราต่างฝ่ายต่างให้ทางแก่กันและกันได้ในนามของความ “รัก” มีชีวิตของตัวเองแม้หัวใจแนบเนา เพราะทุกชีวิตต้องการพื้นที่ว่างเพื่อหายใจ ต่างต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพื่อเขาจะเห็นคุณค่าในตัวเองและรักตัวเองด้วยเช่นกันกับที่รักเรา
.
สิ่งที่ดีนี้เราเองก็ได้รับจากแม่เช่นกัน แม้เราจะรู้ตัวหรือไม่ แม่ให้พื้นที่แก่เรา เปิดโอกาสเป็นตัวของตัวเองและให้มีชีวิตเป็นของตน ให้เรามีสิทธิ์โกรธไม่พอใจในบางท่าทีที่ท่านแสดงออก แต่ท่านยอมให้ลูกผละจากอ้อมอก แม้ลึกในหัวใจย่อมมีความรู้สึกหวงแหน
.
บ่อยครั้งที่คนเราจะพยายามยื้อดึงให้คนหรือสิ่งที่เรารัก ผูกพันพัวพันอยู่กับเราเนิ่นนานไป จนเราเองก็ลืมความต้องการและความหมายของชีวิตทั้งสองฝ่าย บางทีเราก็โกรธและไม่พอใจคนที่เรารัก หรือสิ่งอันหวงแหน เมื่ออีกฝ่ายเดินไปคนละทางกับที่เราหวังไว้
.
แล้วรักจะเป็นสุขได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีพื้นที่และการให้ทางกัน
.
ความเป็นแม่สอนเราทุกคนว่ารักแท้มิใช่การดึงเข้าอ้อมอกเท่านั้น แต่ยังเป็นการผลักไสออกและเปิดทางต่อกัน หากแม่ไม่ผลักหรือดึงเราออกจากอ้อมอกท่าน หัวใจดวงน้อยนี้ย่อมไม่มีโอกาสได้เติบโต ขาทั้งสองเราคงมิอาจเข้มแข็ง หากแม่มิยอมให้เราได้ล้มเจ็บตัว
.
เมื่อยามปีกลูกนกยังมิเติบใหญ่ ลูกต้องซุกใต้ปีกให้แม่คุ้มครองในรังอุ่น แต่ปีกลูกจะมิมีวันกางออก หากแม่นกไม่ได้ให้ฟ้าผืนใหญ่เป็นรังถัดไป การใกล้ชิดกันกับคนรักย่อมงดงาม แต่หากใกล้กันจนไม่มีพื้นที่ให้ปีกกันกางได้ เราก็เท่ากับบั่นทอนคุณค่าแท้ที่คนที่เรารักมี
.
การกักขังกันและกันไว้ในนามของความรักย่อมเป็นทุกข์ และกลืนกินความหมายแห่งรักที่เราตั้งใจมอบให้กันและกันในทีแรกทีละน้อย กรอบที่เราขีดเพื่อรักษาสิ่งที่เรารักไว้ บ่อยครั้งที่บดบังความรักไปเสียสิ้น แล้วเราจะเหลืออะไรในคุกแห่งนี้
.
ความรักไม่ใช่แค่การให้ แต่รักยังเป็นการเว้นพื้นที่ต่อกัน แม่ได้มอบให้แก่เรามาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว ถึงแม้บางทีความห่วงใยและความห่วงแหนที่มิอาจสลัดหลุดข้างในท่าน อาจทำให้แม่ตีกรอบมากเกินไปแก่เราด้วย แต่หากเราเข้าใจในรักแท้ที่แม่เคยมอบให้แก่เรา เราย่อมเตือนท่านให้ระลึกถึงได้ หรือปลดปล่อยความโกรธจากหัวใจด้วยการให้อภัยความสมบูรณ์ของกัน
.
เมื่อเราปฏิบัติต่อตัวเองและต่อคนรอบข้างอย่างเป็นพื้นที่กว้าง มิใช่กรอบและเงื่อนไขมากมายผูกรัด คนที่เรารักย่อมตระหนักในกรอบที่ตนเองมีและก้าวข้ามออกมาด้วย การเปลี่ยนแปลงคนอื่นมักเริ่มจากการเปลี่ยนตนเองก่อนเสมอ
.
แม่ในเวลานั้นผลักเราออกจากอ้อมอก เพื่อให้เรามีชีวิตเป็นของตนเอง และรักตัวเองให้ได้ดั่งที่ความเป็นแม่ในท่านมอบความรักกับเรา แม้วิธีที่แสดงออกในภายหลังอาจถูกบดบังด้วยกรอบมากมายในหัวใจ แต่เราช่วยท่านได้ด้วยการรักท่านตอบอย่างไม่มีเงื่อนไข ใจกว้างกับท่านอย่างที่ท่านเคยใจกว้างกับเราเมื่อครั้งหนึ่งนานมา
.
หัวใจจะรู้สึกอย่างไร เมื่อต้องให้ทางคนที่เรารักห่างไกลจากเราไป แม้จะดีกว่ากับอีกฝ่ายก็ตาม แม่และพ่อด้วย บางทีก็ต้องใช้ความเข้มแข็งปกป้องใจตนเอง ด้วยท่าทีที่ดูแข็งกร้าวต่อเรา หรือเฉยชาต่อบางความรู้สึกของลูก ท่านทำเพื่อดูแลหัวใจตัวเองให้เข้มแข็งเพียงพอที่จะปล่อยเราไป
.
.
7 เห็นความดีงามในตัวผู้อื่น : เราอาจเคยเห็นแม่ของผู้กระทำผิด ออกโรงปกป้องลูกของตนเอง แม้ในสายตาเราคนนอกอาจคิดว่านั่นเป็นการเข้าข้าง และรักลูกผิดทาง เราเข้าใจถูกแล้วแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด แม่ไม่ได้เข้าข้างลูกในด้านที่เลวร้าย ทว่าท่านเคียงข้างความดีงามที่ความเป็นแม่แลเห็นในตัวผู้ร้ายคนนี้
.
ในยามที่ใครสักคนผิดพลาดหรือทำสิ่งที่เลวร้าย ขอเพียงมีหนึ่งคนที่เคียงข้างและเป็นกระจกสะท้อนให้เขาเห็นว่าตนเองมีคุณค่ามากกว่าสิ่งที่ตนทำ เขาย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองและทำสิ่งที่ดีต่อไปได้ หากในช่วงเวลานั้นไร้ใครสักคนเหลียวแลความดีในตัวเขา มีแต่คนรุมซ้ำตอกย้ำความเลวร้าย สิ่งลบมัวหมองทั้งหลายย่อมฝังลงในใจของเขา เพราะเราทำให้เขาเชื่อว่าเขาคือคนเลวและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
.
เราอาจลืมไปว่าในช่วงวัยเด็กที่ผ่านมา เราทั้งหกล้ม ผิดพลาดมากมายหลายครั้ง แต่แม่ก็อยู่ที่นั่น เคียงข้างเรายามเริ่มลืมตา กินข้าว และก้าวเดิน มีช่วงเวลามากมายที่เรารบกวนแม่ ทำให้ท่านเจ็บหรือพูดในสิ่งที่ไม่ดี แต่ท่านก็ยังอยู่ตรงนั้น แม่ยังเป็นแม่เสมอ
.
เพราะมีท่านอยู่ตรงนั้น มอบสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตแก่เรา นั่นคือ “โอกาส” เราจึงสามารถเดินและทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองจนถึงวันนี้ได้ หากแม่นำความผิดพลาดและการทำร้ายเราต่อท่านตั้งแต่แรกเกิด มาเป็นตราบาปแก่ตัวเรา ลูกคงมิมีโอกาสมีลมหายใจและทำสิ่งที่ดีจนถึงวันนี้
.
แม้แม่จะไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ แต่การที่ท่านยังเห็นเราเป็นลูก ยังฟูมฟัก ยังกล่าวถึง แม้เราจะเป็นคนแบบไหนและมีท่าทีต่อท่านอย่างไรก็ตาม แสดงว่าแม่ยังเห็นความดีในตัวเรา และเคียงข้างความดีนั้น ยามเป็นทารก เราทั้งเปราะบาง ขี้งอแง พึ่งพาตนเองไม่ได้ ไม่มั่นคง และรบกวนท่านหลายครั้งคราว ท่านก็ยังอยู่กับเราไม่ทิ้งเราเหมือนใครบางคน เพราะแม่เลือกเคียงข้างความดีในตัวเราที่ท่านเห็น
.
เมื่อใดก็ตามที่เราเห็นความดีงามในตัวผู้อื่น เลือกอยู่กับสิ่งนั้นแทนที่จะเป็นความเลวร้าย ความสัมพันธ์ย่อมยั่งยืนดั่งแม่ลูก เราย่อมช่วยกันและกันให้เติบโตและผ่านบทเรียนต่างๆ มากมาย เฉกเช่นการได้เป็นแม่กับลูก
.
.
8 ความซื่อสัตย์ต่อตัวเองและหน้าที่ : บางทีแม่ก็บ่นเรามากไปเสียหน่อย บางครั้งหัวใจเราก็รู้สึกไม่ต้องการแม่ในบางช่วงเวลา อยากให้แม่พักการเป็นแม่บ้าง แต่แม่ก็ยังคงยืนยันตัวตนและหน้าที่นั้น
.
การยึดมั่นในตัวตนมิใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยการยึดมั่นในความเป็นแม่ของท่านก็สอนลูกได้หลายอย่าง ท่านอยู่กับหน้าที่นี้มานานหลายปี ทำซ้ำๆ กับกิจวัตรเดิมๆ หลายครั้งหลายหน เหนื่อยแล้วเหนื่อยเล่า เราเองอาจทำงานหรือการบ้านไม่กี่ชั่วโมงก็เบื่อหน่ายและทอดทิ้งไปเสียแล้ว
.
แม่อาจเป็นแม่ในยามที่เราไม่ต้องการ อาจทำร้ายเราด้วยถ้อยคำและบางท่าทีต่อกัน แต่ท่านกระทำไปอย่างซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ท่านยอมรับในการเป็นแม่ แบกบ่ารับภาระหนักมานานนัก หัวใจท่านมีความกล้าหาญและอดทนจึงทำเช่นนั้นได้
.
คนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและหน้าที่ คือคนที่ขาดความกล้าหาญ เพราะหัวใจคอยหลบเลี่ยงความจริง ผลัดวันประกันพรุ่งหรือคดโกง เพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบของหัวใจ ผลักไสหน้าที่และการตัดสินใจที่ผ่านมาไปจากตน
.
แม่คือแบบอย่างของคนที่กล้าหาญและยืนหยัดในหน้าที่ของตนเอง การทำสิ่งที่ถูกไม่จำเป็นต้องได้รับความชอบใจจากผู้อื่น เฉกเช่นที่แม่ทำให้เรา แม้ได้ความโกรธจากเราตอบแทน
.
ห้ามน้ำไม่ให้ไหลย่อมยาก ห้ามเดือนดาวไม่ให้ฉายแสงยากกว่า แต่ห้ามแม่ไม่ให้ทำหน้าที่แม่ยากกว่าทั้งหมด
.
การยึดมั่นในตัวตน ย่อมเป็นสิ่งที่เราควรปล่อยวาง แต่การเป็นแม่สอนเราว่า การมั่นคงในตนเองและหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ให้การยึดมั่นในตัวตนความเป็นแม่ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางละวางตน ดั่งคำพระกล่าวว่าให้ “การทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม” * การเป็นแม่นั้นก็คือส่วนหนึ่งของเส้นทางการตื่นรู้ของผู้เป็นแม่ การเป็นลูกก็เช่นเดียว เรารักและให้อภัยท่านได้หรือไม่ แม้ท่านเคยทำร้ายเรามาก่อน และเป็นอย่างที่ไม่ดีกับเราในบางเรื่อง
.
ความรักระหว่างแม่กับลูกคือธรรมะ เราจะรักใครสักคนอย่างแท้จริงได้ เมื่อเรารักอย่างละวางในตัวตนของกัน แม้เราต่างบกพร่องมากมาย ความรักที่แท้ย่อมเปิดพื้นที่ชีวิตให้เราเติบโต แตกต่างจากความรักเพื่อรัดกันและกันไว้ในอัตตา
.
เมื่อถึงวันหนึ่ง ปีกลูกนกแกร่งกล้า แม่ย่อมวางใจให้เราโผบิน จักรวาลย่อมพาเราพลัดพรากกัน ให้ต่างอยู่บนท้องฟ้าของตัวเอง ทว่าเมื่อใดที่ใจลูกน้อยรู้สึกถึงความรักและความเป็นแม่ได้ ลูกจะเห็นว่ามิว่าเมฆก้อนใด หรือลมใจร้ายวูบใด ย่อมมีแม่อยู่นั้นเสมอ แม้สายฝันอันรวดร้าวก็ตาม
.
.
อนุรักษ์ ครูโอเล่
#คอลัมน์ #ไกด์โลกจิต
.
( อ่านตอนที่ 1 ) : www.dhammaliterary.org/8คุณค่าที่เรามีดั่งแม่1/
( อ่านตอนที่ 2 ) : www.dhammaliterary.org/8คุณค่าที่เรามีดั่งแม่2/
.
( ติดตามหลักสูตรการอบรม #เขียนเปลี่ยนชีวิต #พลังแห่งจิต ) :
www.dhammaliterary.org
.
ศึกษาเพิ่มเติมได้จากคำสอนท่านพุทธทาสภิกขุ