เขียนภาวนา : เขียนเพื่อกำกับใจ

เขียนภาวนา รุ่นที่ 15

Meditation Writing

 

การอบรมฝึกสมาธิและเจริญสติผ่านศิลปะการเขียนอย่างเข้มข้น

รายละเอียดหลักสูตร

เนื้อหาหลักสูตรนี้ประกอบด้วย 1. การฝึกฝนการเขียนบันทึกเพื่อเจริญสติ บ่มเพาะสมาธิ ขัดเกลาอัตตา ผ่านศิลปะหนึ่งลมหายใจที่มุ่งเน้นรู้เท่าทันกิเลสและรู้ละวางความอยากกับความยึดมั่น ด้วยรูปแบบการฝึก เขียนภาวนา และการทำสมาธิบนหลักสติปัฏฐาน

2. การฟังบรรยายและทบทวนธรรมะกับหลักจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนและการละวางความยึดมั่น ผ่านการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม การฟังบรรยาย การแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมเรียน/ครู และการสอบอารมณ์หรือทดสอบใจกับสติของผู้เรียน

3. การสะท้อนทบทวนตัวเองกับจิตใจตนจากการฝึกปฏิบัติ การสังเกตในระหว่างการเรียน และย้อนทบทวนชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเสริมสร้างการรู้เท่าทันและปัญญาในการพัฒนาตนเองต่อไป

4. คำแนะนำและการฝึกฝนเพื่อเจริญสติและรู้เท่าทันตนเองในชีวิตประจำวัน ผ่านการฝึกปฏิบัติในกิจกรรมย่อยของการอบรม การทำการบ้านระหว่างสัปดาห์ และการทบทวนร่วมกันในเนื้อหาการเรียนรู้

ความหมายของ เขียนภาวนา

 

“ใช้ชีวิต ช้าลง ด้วยการเขียน
ผ่านศิลปะการเขียน หนึ่งลมหายใจ
รู้หยุด รู้วาง รู้เริ่มใหม่
กำกับใจ เขียนภาวนา ใคร่ครวญธรรม
ผ่อนเบาสิ่งบีบคั้น รู้ทันความอยากใคร่
สมาธิผ่านอักษร สลักใจเติบใหญ่
ไม่เน้นเขียนให้ดี ไม่เน้นเขียนให้เก่ง
เขียนให้ใจขัดเกลา ทิฐิ กิเลส อัตตา”

 

เขียนภาวนา คือ ศิลปะการเขียนในลมหายใจออก ซึ่งมีจุดหมายในการขัดเกลากิเลสตัณหา บนหลักสติปัฏฐาน และ อริยมรรค เพื่อส่งเสริมอาณาปานสติ การเจริญสติ และการปฏิบัติธรรม ทั้งผู้มีประสบการณ์จนถึงผู้เริ่มต้นใหม่

 

การเขียนลักษณะนี้ไม่ใช่การสร้างผลงาน ไม่จำเป็นต้องมีทักษะการเขียนหรือพื้นฐานในการภาวนามาก่อน เป็นการเขียนบันทึกเพื่ออยู่กับตนเอง จรดปากกาเพื่อกำกับความคิดและจิตใจ เป็นเครื่องมือในการภาวนาที่ชวนเราเรียนรู้เกี่ยวกับตนเองอย่างลุ่มลึกหลากหลายด้านที่เหมาะสมทั้งผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาและผู้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรม

 

เขียนภาวนา ไม่ใช่เครื่องมือที่มุ่งให้เกิดภาวะวิเศษ และมิใช่กิจกรรมทำชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นวิถีของการฝึกฝนเพื่อระงับความเคยชินของจิตใจในการทำตามความอยากและความยึดมั่น เป็นการขัดเกลาให้กลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์ตามธรรมชาติอันเรียบง่าย รู้สันโดษ มีความพอดีและใจที่สงบมั่น

ผลลัพธ์จากการเข้าร่วม

คลิกที่ปุ่มด้านล่างเพื่อศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับผลลัพธ์จากการเข้าเรียน

งานศึกษาวิจัย

 

การศึกษาประสบการณ์การเห็นคุณค่าในตนเองผ่านการเขียนภาวนา โดย อภิชาติ ทองสุกแสง

งานวิจัยรวมเล่ม การศึกษาประสบการณ์การเห็นคุณค่าในตัวเองผ่านการเขียนภาวนา

 

ในขณะนี้ทางโครงการกำลังดำเนินการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมกับศิษย์เก่า เขียนภาวนา และบุคคลทั่วไป (เริ่มต้น 2565-2567)

หัวข้อการเรียนรู้ ในหลักสูตร 10 วัน

 

  • พื้นฐานการภาวนา
  • การเจริญสติ
  • ใคร่ครวญปริศนาธรรม
  • เขียนภาวนาอย่างเข้มข้น
  • พิจารณา กิเลสละเอียด
  • การละวางอัตตา
  • กลไกต่างๆ ของจิตใจ

สี่วันแรกของการอบรมเป็นเนื้อหากับการฝึกฝนขั้นพื้นฐาน ผู้ที่ไม่เคยผ่านคอร์ส “พื้นฐาน เขียนภาวนา” ต้องเข้าอบรมสี่วันแรกอย่างครบถ้วน ส่วนผู้เรียนที่ผ่านการอบรมพื้นฐานแล้วหรือเคยศึกษาเรียนจบมาแล้ว สามารถเลือกเข้าร่วมเฉพาะหกวันหลัง ซึ่งเป็นเนื้อหาขั้นต่อยอดจากพื้นฐาน

 

ระหว่างสัปดาห์ของการอบรมจะมีการบ้านให้ผู้เรียนได้ฝึกภาวนาในชีวิตประจำวัน ด้วยการเขียนภาวนา การนั่งสมาธิ และอาจมีรูปแบบอื่นตามการพิจารณาของครูผู้สอนและลักษณะของผู้เรียน

 

กระบวนการอบรมประกอบไปด้วยการฝึกภาคปฏิบัติทั้งการฝึก เขียนภาวนา การทำสมาธิในรูปแบบอื่น และประกอบด้วยการแลกเปลี่ยนพูดคุย การบรรยายธรรมะจากครู การพิจารณาปริศนาธรรม และช่วงเวลาในการสอบถามครู มีทั้งการทำกิจกรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละวันกับกิจกรรมที่ต้องทำซ้ำเพื่อฝึกฝนตนเอง

ระยะเวลาและวันที่เรียน

 

เขียนภาวนา รุ่นที่ 15 : 

วันที่ 11 – 12 , 18 – 19 , 25 – 26 พฤษภาคม และ 1 – 2 และ 8 – 9 มิถุนายน 2567 (เสาร์อาทิตย์)

 

⏳ การอบรมในแต่ละวัน ผู้เรียนต้องเข้าร่วมครบ 3 ช่วงดังนี้

ช่วงที่หนึ่ง : 9.00 – 10.30 น. , ช่วงที่สอง : 12.30 – 14.00 น. และช่วงที่สาม : 15.30 – 17.00 น.

เรียนผ่านโปรแกรม Zoom และกลุ่มไลน์ โดยระหว่างวันและระหว่างสัปดาห์จะมีการบ้าน / การฝึกเพิ่มเติม

⛔️ ขาดเรียนได้ไม่เกิน 2 วัน

⛔️ ผู้ไม่เคยผ่านคอร์ส “พื้นฐาน เขียนภาวนา” ห้ามขาด 2 วันแรกเด็ดขาด

เนื้อหา 4 วันแรกคือเนื้อหาขั้น “พื้นฐาน เขียนภาวนา”
เนื้อหา 6 วันถัดมาคือขั้น “ปฏิบัติ เขียนภาวนา”

 

สามารถเลือกเรียนเฉพาะขั้นพื้นฐาน 4 วัน หรือตลอดทั้งหลักสูตร 10 วัน

ศิษย์เก่าที่เคยผ่านขั้นพื้นฐาน หรือเคยจบตลอดหลักสูตร สามารถเลือกเรียนเฉพาะ 6 วันสุดท้ายได้

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

 

สมุดบันทึก ขนาดครึ่งเอสี่เป็นต้นไป , ปากกาหรือดินสอ สำหรับการเขียนบันทึกและทำกิจกรรม

ผู้ที่สามารถเข้าร่วม

 

  • บุคคลทั่วไป (ฆราวาส) อายุ 17 ปีขึ้นไป มีความสนใจพัฒนาตนเองตามเนื้อหาที่ระบุไว้และสมัครด้วยตนเอง
  • เปิดรับการเรียนรู้และการทบทวนหลักธรรมอย่างหลากหลายนัยโดยไม่อิงกับตำราและความรู้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องนับถือพุทธศาสนา
  • สามารถอ่านเขียนภาษาไทยได้ และสามารถเข้าร่วมการอบรมเต็มเวลา โดยไม่อนุญาตให้มีการเรียนแทนผู้อื่น หรือเรียนเพราะคนอื่นต้องการให้เรียนแทนตนโดยเด็ดขาด

ค่าลงทะเบียน

 

สมทบค่าใช้จ่าย 1,900 บาท สำหรับผู้มีกำลังทรัพย์
หรือ ตามบริจาคเป็นจำนวนน้อยกว่า สำหรับผู้มีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ (ส่งใบสมัครเพื่อพิจารณาก่อน)

 

* ค่าลงทะเบียนในการอบรมสนับสนุนโครงการเพื่อการกุศลต่างๆ โดย สถาบันธรรมวรรณศิลป์ อาทิ การมอบทุนการศึกษาเยาวชน, โครงการปัญญ์ สเปซ เป็นต้น

* กิจกรรมของโครงการใน สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ไม่รับทุนจากสปอนเซอร์ใดๆ โดยใช้รายรับจากการอบรมเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ และเป็นค่าตอบแทนแก่ทีมงาน

 

อ่านรายละเอียดโครงการเพื่อการกุศล ได้ที่

www.dhammaliterary.org/โครงการเพื่อการกุศล/

 

การสมัครเข้าร่วม

วิทยากร

 

ครูโอเล่ อนุรักษ์ เม่นหรุ่ม

ผู้อำนวยการ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ วิทยากร นักเขียน นักสะกดจิตบำบัด ผู้สอนการเขียนบำบัดในชื่อชุดหลักสูตร “เขียนเปลี่ยนชีวิต” (จำนวน 55 รุ่น) สอนการสะกดจิตบำบัดและการโปรแกรมจิตตัวเองในชุดหลักสูตร “ห้องเรียน พลังแห่งจิต” (30 รุ่น) นอกจากนี้ก็ยังเปิดอบรมในเนื้อหาต่างๆ อาทิ การรู้จักตนเอง การเจริญสติภาวนา การพัฒนาครู และภาวะผู้นำ แก่บุคคลหลากหลายอาชีพ ทั้งในการอบรมแบบเปิดและการอบรมในกลุ่มเฉพาะตามรับเชิญ

 

มีความถนัดด้านการให้คำปรึกษา การพัฒนากระบวนการคิด และการบำบัดเยียวยา และการสอนภาวนากับธรรมะประยุกต์ โดยได้รับ Certified Hypnotherapist เป็นผู้เขียนคอลัมน์ออนไลน์ “ไกด์โลกจิต” ผู้ร่วมศึกษาการเขียนบำบัดเพื่อส่งเสริมสุขภาวะผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ HIV (เสนอผลการศึกษาสองครั้ง) และผู้ศึกษาค้นคว้าเรื่องการเขียนภาวนา (เปิดสอน 14 รุ่น และกำลังอยู่ระหว่างศึกษาวิจัยการเห็นคุณค่าในตัวเองผ่านการเขียนภาวนา)

เงื่อนไขในการเข้าเรียน

 

  • ผู้สมัครมีความตั้งใจร่วมกิจกรรมการอบรมอย่างเต็มที่ โดยได้อ่านรายละเอียดทั้งหมดและสมัครด้วยตนเอง พร้อมมีส่วนร่วมในขั้นตอนต่างๆ กับการทำกิจกรรมในการอบรมโดยทางโครงการไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • เมื่อชำระค่าลงทะเบียนแล้วไม่มีการยกเลิก ขอเลื่อน หรือคืนเงินมิว่ากรณีใดๆ เพื่อรักษาสิทธิ์ในการเข้าร่วมการอบรมของผู้สมัครคนอื่นๆ มิให้ถูกกันที่ไว้ ยกเว้น กรณีที่ชำระค่าลงทะเบียนแล้วทางโครงการมีการยกเลิกหรือเต็มจำนวนรับสมัครจะมีการคืนค่าลงทะเบียนเต็มจำนวน
  • หากมีความประพฤติไม่เหมาะสมหรือส่งผลเสียต่อผู้เข้าเรียนคนอื่นๆ และอาจารย์ผู้สอน ทางโครงการจะเชิญออกจากการอบรมโดยไม่มีการชดเชยใดๆ เพื่อความเรียบร้อยและความสำรวมระวังในการฝึกฝน
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องทานยา หรือต้องพึ่งพาการดูแลเป็นกรณีพิเศษ โปรดแจ้งปรึกษาโครงการก่อนสมัครเข้าร่วมเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมร่วมกัน

บทเรียนและการพัฒนาตนของศิษย์เก่า

“การเปลี่ยนแปลงสำคัญจากการฝึกที่ผ่านมาคือ รู้สึกมีฉันทะที่จะเพียรพยายามภาวนาให้เจริญงอกงามดีสม่ำเสมอยิ่งขึ้น

สิ่งที่เขียนสอนหลักแนวทางที่จะให้มุ่งมั่นตั้งใจดำรงอยู่บนเส้นทางนี้อย่างแน่วแน่มั่นคงเปรียบดังเสาหลักปักไว้ในใจ ภาพที่วาดสอนเหตุปัจจัยและองค์ประกอบที่ไม่ควรตีขลุมเหมารวมเป็นการตีความให้ยึดติดมั่นหมาย

มีและไม่มี เกิดและดับ ยึดและปล่อย เป็นเช่นนั้นเอง ไม่มีของเราหรือของใคร ไม่เป็นตัวเป็นตน ผันแปรไปตาม “กรรม”

 

เขียนคำ มัดกิเลส
อักษรพาปล่อยสิ่งลวงหลอก
หลงลิขิตจับจิต”

 

คุณต่าย ปฏิบัติ เขียนภาวนา

 

“สอนให้เรารู้จัก ละความโลภ ละความเร่งรีบ ที่บีบคั้นตัวเอง ให้กลับมารู้จัก “ทางสายกลาง” ที่เป็นแนวทางที่น่าจะเอามาปรับใช้ในชิวิตประจำวันได้ สำคัญคือ การหาจุด “พอดี” และ “ดีพอ” สำหรับตัวเอง

สอนใหัเรารู้จัก “ทางสายกลาง” ในอีกมิติที่ทำให้เรารู้ตัวว่า การพยายามที่มากเกินไปคือ กิเลส “ความกลัว” ที่เข้ามาในรูปแบบที่แตกต่างจากตัวที่เราเคย “รู้จัก” พอเราได้รู้จักและทำความเข้าใจแล้ว เราก็สามารถผ่อนตัวเองลง จัดสมดุลชีวิตได้ดีขึ้น”

 

คุณจอย ปฏิบัติ เขียนภาวนา

 

“ในขณะเขียนภาวนาได้ฝึกการมองกลับมาภายในใจภายในกายตนเองอย่างแท้จริง ได้ฝึกรู้ลมหายใจ ได้ฝึกการขัดใจตนเองไม่ไหลไปตามความอยากของใจ ได้ขัดเกลากิเลสในตนเอง ฝึกการอยู่กับปัจจุบันขณะ ฝึกดูการทำงานของกายใจอย่างที่เค้าเป็น ได้ฝึกมองจุดแข็งจุดอ่อนของตนเอง จะนำจุดอ่อนที่ค้นพบในตนเองจะยอมรับอย่างอ่อนโยน ปรับและพัฒนาตนเอง จะนำจุดแข็งที่ค้นพบเร่งเพียรพัฒนาศักยภาพตนเองให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นและเดินไปข้างหน้าอย่างตั้งมั่นเพื่อเยียวยาตนเองและผู้อื่นให้ถึงที่สุดและทำให้ดีที่สุดที่จะทำได้ต่อไปคะ จะนำความรู้ที่ครูโอเล่สอนมาตลอดส่งต่อเยียวยาผู้อื่นให้กลับมีรอยยิ้มต่อไปเช่นกันคะ

 

“ด้วยคำสอนที่ครูคอยให้กำลังใจ จึงทำให้อดทนสู้ดูการทำงานของกายใจอย่างไม่ปรุงแต่งและทำให้เขียนภาวนาได้ต่อเป็นช่วงๆ และเห็นจิตที่เข้าใจและก้าวข้ามจุดที่เรากลัวและทำให้ป่วยมาตลอดได้  วันนี้ครูโอเล่ทำให้ชีวิตหนูเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากการอบรมครั้งนี้ทำให้เกิดความเข้าใจในตนเองที่ชัดเจนขึ้น และเห็นการก้าวข้ามความกลัวการทำงานของใจที่คอยหนีคอยป้องกันตนเองที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของเรามาตลอด แต่ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจการทำงานของจิตใต้สำนึกและสมองจึงส่งผลให้เจ็บป่วยทางกายตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ในวันนี้เมื่อเกิดความเข้าใจและรู้ทันการทำงานของใจที่คอยจะหนีทุกข์คอยสร้างกำแพงหลบปกป้องตัวเองของใจของกายนี้ ตอนนี้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปและได้พบความสุขที่ลึกละเอียดได้มากขึ้นในตนเอง…ขอบพระคุณคะครูโอเล่”

 

คุณสิริลดา (แม่ชีดา)

 

“ก่อนอบรมรู้สึกสงสัยว่าการเขียนภาวนาคืออะไร..การเขียนจะทำให้เกิดการภาวนาได้หรือ แต่หลังจากอบรมแล้วทำให้ทราบว่าแม้แต่กิจกรรมการเขียนก็สามารถทำให้ใจของเราสงบได้ เข้าอบรมแล้วได้ฝึกการทำงานทีละอย่าง ฝึกการตามลมหายใจขณะนั่ง ฝึกเขียนช้าลงตามการหายใจออก อก และฝึกใจให้อยู่กับปัจจุบันไม่กังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดและเศร้าใจกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว จิตใจและอารมณ์มีความผ่องใสมากขึ้น ความเศร้าที่เกิดจากความกังวลสิ่งที่ยังไม่เกิดลดน้อยลง ทำให้ชีวิตน่าอยู่มากขึ้น”

 

คุณกรรัตน์ (โก) อาชีพ พยาบาล

 

“รู้สึกสุขใจ มีอารมณ์นิ่งสงบลง หลักการอบรม ตลอดเวลาการอบรมแม้จะทิ้งช่วงเวลาหายไป ไม่ต่อเนื่อง ครูโอเล่ก็ให้โอกาสและกำลังใน ยินดีกับการเริ่มต้นของดิฉันเสมอ ชอบหัวข้อ “อารมณ์แห่งใจ” “ฝนอิฐเป็นกระจกเงา” และ “ภาระความรู้” ในการเขียนภาวนา ทำให้เราเข้าใจ ได้ฟังลมหายใจ ร่างกายตัวเอง กลับมาสะท้อนย้อนคิดตัวตน รู้สึกรักและยินดีกลับการได้มีและใช้ชีวิตอยู่มากขึ้น เข้าใจความจริงของชีวิตเราในจักรวาล ผ่อนคลายกับความรู้สึกที่เคยอึดอัด ไม่เข้าใจในตัวเอง

 

“การกลับมาที่ลมหายใจ เข้า ออก ทำให้เรารู้ยั้งความคิดและการกระทำตนจากการปะทะกับปัจจัยที่ทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ ขึ้น ละวางการยึดในตัวตนให้ความสำคัญและเข้าใจคนอื่นว่าแท้จริงเรามีความแตกต่าง ถูกจักรวาลสร้างมาให้ต่างกันไป เขาเป็นเขา เราเป็นเรา”

 

คุณริยา (ป้อม) อาชีพ ครู/คนกลางไกล่เกลี่ยคดีครอบครัว

 

ดำเนินงานโดย

 

สถาบันธรรมวรรณศิลป์

เฟสบุ๊ค : www.facebook.com/khianpianchiwit/

เว็บไซต์ : www.dhammaliterary.org

อีเมล : dhammaliterary@gmail.com

ศึกษาความรู้และเนื้อหาเพิ่มเติม