7 วิธีเลิกฝันกลางวัน แล้วผลักดันชีวิต (ตอนแรก)

 

เลิกฝันกลางวัน๑

 

 

7 วิธีเลิกฝันกลางวัน แล้วผลักดันชีวิต (ตอนแรก)

ชีวิตทุกคนมีคุณค่าที่ได้เกิดมา แต่บางคราบางช่วงเวลากลับเลื่อนลอยและลับเลือนอย่างว่างเปล่า เมื่อเราใช้เวลาอย่างสูญค่า หรือบางขณะยามใจรู้สึกว่างไร้ มีบางสิ่งที่หวังอยากได้ หวังให้เป็น หรือคิดคะนึงหวนหา ฝันกลางวันยามตื่นในใจ แต่กลับมิอาจเปลี่ยนแปลงหรือทำสิ่งใดให้เกิดขึ้นในปัจจุบัน
.
เราทุกคนแม้แต่คนที่สุขสมหวังหรือผิดพลาดต่างก็มีความฝันกลางวันกันไม่มากก็น้อย ฝันกลางวันคือความคิดความหวังชั่วขณะในใจ และความฟุ้งซ่านกังวลใจต่างๆ อาจเป็นมโนภาพจินตนาการหรือความคิดเช่นว่า หากเป็นเช่นนั้นก็จะดีไม่น้อย หรือ ถ้าไม่…แล้วก็คง…
.
การฝันกลางวันหรือจะฝันกลางคืนไม่ใช่สิ่งเสียหาย แต่น่าเสียดายหากเราจะเพียงฝัน แต่มิได้ทำสิ่งใดให้สมคุณค่าเวลาที่ฝันถึง หรือปล่อยให้ความกลัวฉุดรั้งเราจากความสุขและคุณค่าที่เราพึงได้รับ
.
บทความนี้จะชวนเราแปรเปลี่ยนช่วงเวลาและพลังงานฝันกลางวันมาเป็นแรงผลักดันชีวิต ดังคำแนะนำทั้งเจ็ดข้อ หากคนใดมีข้อคิดหรือวิธีการแลกเปลี่ยนกันเพิ่มเติมก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามช่องทางที่สะดวก
.
1 หยิบแก่นแท้ในฝัน แล้วนำมันมาใช้ : ทุกความฝันกลางวันต่างเป็นความฟุ้งซ่านของจิตที่หวังชดเชยหรือเติมเต็มช่องว่างในหัวใจ ช่องว่างนั้นก็คือความต้องการที่ยังขาดการดูแล เช่น หากบางคนฝันถึงการได้เดินบนพรมของนางแบบ มีกล้องมากมายจับจ้อง ประกายแฟลสแวบวับ ความต้องการที่อยู่ลึกในใจก็คงเป็นการได้ถูกแลเห็นจากคนรอบข้าง ต้องการความชื่นชม และการนำเสน่ห์เฉพาะตัวของตนออกมาใช้ หากเราเข้าใจว่าในฝันกลางวันที่ฉายแวบในห้วงคำนึงสื่อถึงความต้องการใด เราก็เพียงแปรเปลี่ยนให้ความต้องการนั้นเป็นเป้าหมายที่เราจะดูแลในแต่ละวัน เราอาจไม่มีโอกาสเดินบนพรมนางแบบตอนนี้ แต่เราก็สามารถดูแลการแต่งกายตนให้ดี ใช้ความสามารถที่ตนมีทำสิ่งต่างๆ รอบตัวให้สำเร็จ อยู่กับคนที่เห็นคุณค่าในตัวเรา และทำสิ่งที่น่าชื่นชมอยู่เสมอ เท่านี้เราก็ได้แปรเปลี่ยนจากความฝันกลางวันชั่วครั้งชั่วคราว เป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองแล้ว
.
ความฝันกลางวันก็เหมือนกับเสียงเรียกร้องจากหัวใจ นอกจากเป็นความต้องการพื้นฐานที่จิตใจหวังได้รับการเติมเต็มแล้ว บางทีก็เป็นข้อความกำลังใจให้เราทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อให้ลุล่วง บางทีเราได้เริ่มต้นทำสิ่งหนึ่ง ซึ่งมีคุณค่าต่อตัวเรามาก ใจเราก็พลอยฝันถึงความสำเร็จอันสวยงาม เหล่านั้นก็เป็นกำลังใจและการตั้งเป้าหมายให้เราก้าวต่อไม่ท้อถอย ถือเสมือนว่าภาพเหล่านั้นคือแรงใจที่มาจากตนเองมิได้รอกำลังใจจากคนอื่น บางภาพฝันที่เป็นการได้รับความรักและสมหวังในรักจากบางคน นั่นก็ไม่ได้หมายถึงคนอื่นเสมอไป แต่เป็นหัวใจเราเองที่มีความรักและความสามารถที่จะรักตนเอง แล้วเราใช้ชีวิตอย่างรักตนเองแล้วหรือยัง
.
ทุกฝันกลางวันยังแอบซ่อนความหวังดีที่เรามีต่อตัวเอง ฝันกลางวันที่ดีก็แทนความกำลังใจ ฝันกลางวันในทางลบหรือภาพหวาดระแวง นั่นก็เป็นความห่วงใย และความระมัดระวัง แล้วแทนที่เราจะปล่อยให้ฝันกลางวันเหล่านั้นเป็นเพียงความคิดฟุ้งซ่าน เราก็ลองฝันอย่างตั้งใจ ใช้สมาธิจดจ่อ พิจารณาความเป็นไปได้และหนทางต่างๆ อย่างมีสติ เท่านี้เสียงในใจเหล่านั้นย่อมเป็นเพื่อนที่คอยสะท้อนบอกสิ่งสำคัญแก่เรา
.
2 รู้จักตนเองให้มาก เรียนรู้ตนเองให้พอ : ฝันกลางวันที่ว่าจะเหมาะสม เป็นประโยชน์ หรือสอดคล้องกันตนหรือไม่ เราก็ต้องรู้จักตนเอง รู้ประมาณศักยภาพและความสามารถที่ตนมี รู้ว่าสิ่งที่หวังนั้นเหมาะหรือไม่ หรือแค่รู้สึกอยากเท่านั้น หากยังไม่แน่ใจ เราก็ต้องใช้เวลาที่จะศึกษาตนเองจนเข้าใจ เราให้เวลาวัยเด็กไปกับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายหลายปีแล้ว ตอนนี้เราต้องหันหน้ากลับมาทบทวนอ่านตนเองจนแตกฉานบ้าง
.
เราเองจะเข้าใจได้มากขึ้นว่าที่ฝันกลางวันครั้งแล้วครั้งเล่าเหล่านั้น จริงๆ แล้วเราต้องการอะไร ต่อเมื่อเรารู้จักตน เข้าใจหัวใจตัวเอง สำหรับบางคนนั้นง่าย บางคนก็ยาก วิธีการที่ช่วยได้อย่างหนึ่งคือสมุดบันทึก หมั่นบันทึกเก็บความรู้สึกและข้อสังเกตเกี่ยวกับตนเองวันละเรื่องสองเรื่อง ต่อไปเราก็มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราให้รู้จักมากพอ เดิมทีตัวเราก็อยู่กับตัวเองอยู่แล้ว แต่ด้วยใจที่กระโดดไปโน่นทีไปนี่ที มันก็เลยเห็นตัวเองไม่ชัดเจน ลองเขียนบันทึกลงเป็นอักษรเราก็จะทำให้สิ่งที่ไม่ชัดเจนนั้น กระจ่างแจ้งมากขึ้น
.
เมื่อเราไม่รู้จักตนเองมากพอ สิ่งที่เราฝันหวานถึงนั้นก็อาจไม่สอดคล้องกับความจริง หรือคิดหวาดระแวงไปเองก็ได้ เราจะรู้จักตนเองและฝันอย่างเหมาะสมได้เราต้องฝึกอยู่กับปัจจุบันด้วย คือมีสติอยู่กับตนเอง ไม่หลงไปกับความคิดฝันเกินควร จนความคิดพร่ำเพ้อชักนำกายใจพรากจากความจริง แต่ให้ตัวเราใช้สติลงมือทำนำความฝันกลางวันมาสู่ความจริง
.
เมื่อเรารู้จักตนเอง สิ่งที่เราเฝ้าฝันนั้นก็จะไม่ใช่เพียงค่านิยมตามคนอื่น แต่เป็นสิ่งที่มีความหมายและเหมาะสม จนแน่ใจว่าเราต้องการอะไร หวังทำสิ่งใดในชีวิตแล้วนั้น การที่จะฝันไปเรื่อยเปื่อยก็ย่อมลดหายไปเอง เพราะเรามีเข็มทิศของชีวิตอยู่กับตัวแล้ว มันไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์เลย แต่เป็นการที่เรามั่นใจในคุณค่าของตัวเองนั่นเอง
.
3 ทำให้ฝันเดินหน้าวันละก้าว : หากความฝันกลางวันนั้นเป็นความสำเร็จที่เราใฝ่ฝัน หรือจะเป็นความกลัวผิดพลาดล้มเหลวเองก็ดี แทนที่เราจะปล่อยให้ความฝันเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งเท่ากับปล่อยให้ความสุข คุณค่า และความภูมิใจเป็นเรื่องของอนาคตไปด้วย เราจึงควรทำให้ทุกวันอยู่ใกล้เส้นชัยวันละก้าว เติมเต็มฝันวันละหน
.
การซอยเป้าหมายให้เล็กลง ย่อยลง ย่อมทำให้เรื่องที่ดูใหญ่ ยาก เกินความจริง ง่ายลง เหมือนเราซอยผักหรือสิ่งที่เราไม่ชอบกินให้เล็กจนนิดหนึ่ง เราก็ย่อมกินง่ายขึ้น พอเริ่มกินได้ก็มีกำลังใจกินต่อจนหมด การทำเป้าหมายให้สำเร็จก็เช่นกัน เมื่อเราเห็นความสำเร็จไปทีละก้าว โดยไม่ต้องสนใจหรอกว่า มันจะอีกไกลเพียงใด แต่ทำให้ทุกวันขยับใกล้เป้าหมายใหญ่มากขึ้น ก็เท่ากับเราถึงปลายทางทุกๆ วัน
.
วางแผนให้เรามีเส้นชัยในทุกๆ วัน เราย่อมไม่ใช้พลังงานชีวิตเปล่าเปลืองไปกับการฝันหรือทำสิ่งไร้สาระ เราจะไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาเพียงเพื่อทำงานและหน้าที่อันจำเจ แต่เราลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อริเริ่มสิ่งใหม่และก้าวใหม่แก่ชีวิต
.
การใช้บันทึกจดเขียนเป้าหมายในแต่ละวัน วันละน้อยๆ ทีละเล็กๆ แล้วทำให้สำเร็จ เขียนอีกครั้งเพื่อให้กำลังใจและแนะนำติชม ก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่เป็นดั่งโค้ชประจำตัวอยู่ใกล้ชิด
.
สำหรับเป้าหมายที่ยากหรือความฝันที่ต้องอาศัยการพัฒนาศักยภาพ เราก็เพียงวางแผนในแต่ละวันว่าจะพัฒนาตัวเราในด้านที่เกี่ยวข้องอย่างไร ฝึกปรือไปทีละน้อย หมั่นลงมือทำซักซ้อมความฝันนั้น แม้เราจะยังไม่ได้ทำในสนามจริงก็ตาม ดั่งนักยิงธนูที่มิเพียงฝึกกับคันธนูเท่านั้น หากแต่ฝึกสายตาให้แหลมคม หมั่นสังเกตสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
.
ความฝันใดใดก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม เมื่อเราทำมันให้เป็นจริงจากสิ่งที่ทำได้ ในคุณค่าที่ควร และเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ในวันนี้

.
อนุรักษ์ ครูโอเล่

คอลัมน์ #ไกด์โลกจิต

.

(ตอนที่สอง) www.dhammaliterary.org/วิธีเลิกฝันกลางวัน2/
(ตอนที่สาม) www.dhammaliterary.org/วิธีเลิกฝันกลางวัน3/

ติดตามหลักสูตรการอบรมของสถาบัน ได้ที่
www.dhammaliterary.org