บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๖)

 

รวม๖

 

 

บทเรียน เขียนเยียวยา (รอบสอง) หลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต ๒๕๕๙

************
“สำหรับบทเรียนต่างๆ ที่ผ่านมานั้นนับตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มเดินเพื่อที่จะทำความรู้จักกับข้อดีภายในตัวเราผ่านคุณบันทึกพี่หมีตัวใหญ่ติดปีกสีเทา ที่พร้อมจะรับฟังเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตเราอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งได้ก้าวต่อไปรู้จักกับหัวใจของตัวเองได้รับฟังเสียงจากหัวใจที่จริงๆ แล้วก็มีเสียงดังอยู่ในหัวของเราปะปนกับเสียงอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เราไม่เคยได้คิดจะหยุดฟังอย่างตั้งใจ จากตอนทีเริ่มต้นบันทึกใหม่ๆ เรียกได้เลยว่าเป็นคนที่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จักความต้องการของตนเอง มักเลือกเดินในเส้นทางที่คนรอบข้างคิดว่าดีเสมอ เรียกว่า ถูกคำพูดความคิดเห็นของคนที่แวดล้อมเตะไปเตะมาเสมอ แม้จะมีบ้างครั้งที่ทำตามหัวใจของตนเองแต่ก็ยังรู้สึกกังวลว่าสิ่งที่เลือกมานั้นดีจริงๆ แล้วเหรอ นั่นหมายถึงว่าฉันไม่กล้าฟังเสียงของหัวใจและเลือกมีชีวิตตามหัวใจของตนเอง จนกระทั่งผ่านบันทึกมากมาย ฉันค้นพบว่า ฉันช่างมีหัวใจที่แกร่งซ่อนอยู่ในตัวเป็นหัวใจที่ดีมากมาย เต้นอย่างแข็งแรง กระหายรอการรับฟังจากฉัน เพื่อที่สักวันฉันจะฟังเสียงหัวใจและกล้าก้าวไปเผชิญหน้ากับความกลัวในใจเพื่อจะได้ทำสิ่งที่หัวใจเรียกร้องเสมอมา และเมื่อพบว่าตนเองนั้นก็มีหัวใจก็ได้รวบรวมความกล้าที่จะกลับไปในอดีตเพื่อเข้าไปทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยเด็ก และฉันได้เห็นว่านี่ฉันปล่อยให้เด็กน้อยร้องไห้อย่างเดียวดายอยู่ตรงบันไดนั่นเป็นเวลากว่า 26 ปีเชียวหรือ ฉันได้เรียนรู้ด้านดีของเด็กน้อยได้รู้เหตุผลที่ฉันชอบมองท้องฟ้าที่สดใส ได้เรียนรู้ว่า สิ่งดีๆ ที่มีในตัวฉันในปัจจุบัน ก็เพราะมีเด็กน้อยที่สดใสอยู่ในตัวนั่นเอง แต่ด้วยประสบการณ์ที่เด็กน้อยได้เจอและเข้าใจในวัยเด็กจึงทำให้ฉันใช้ชีวิตแบบครึ่งๆ กลางๆ มาตลอด จะก้าวก็ไม่ก้าว จะถอยก็ไม่ถอย และจากนี้ฉันจะก้าวต่อไปพร้อมเด็กน้อยที่มีพลังมองเห็นสิ่งดีดีของโลกในตัวฉัน และพลังอื่นๆ ที่มีอยู่ในตัวทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ จากนั้นได้ก้าวต่อเรียนรู้ปมในใจที่มีมาตลอดข้อดีของการเรียนรู้ปมในใจ คือได้เห็นภาพชัดว่าสาเหตุที่เกิดปมนั้นมาจากครอบครัวที่ถ่ายทอดรูปแบบการเลี้ยงดูจากต้นตระกูลมาจนถึงรุ่นเรานั่นแสดงว่าพวกเขาเองก็ป่วยทางจิตใจตลอดมา ต่างก็แสวงหาความรัก ความยอมรับ และการชื่นชมจากคนในครอบครัว นอกจากนี้ยังทำให้ฉันได้เข้าใจพฤติกรรมของคนรอบข้างได้ง่ายขึ้นผ่านการเรียนรู้ปมของตัวเอง ว่าคนทุกคนในสังคมปัจจุบันส่วนใหญ่ต่างก็ต้องการยอมรับ มีแรงกดดันจากทางใดทางหนึ่งในชีวิต ประสบพบปัญหาจากประสบการณ์รอบด้าน และเหงา ด้วยความเข้าใจนี้ทำให้ฉัน ปล่อยผ่านพฤติกรรมต่างๆ ที่พวกเขาทำขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้ง่าย ตอนนี้ฉันมักคิดเสมอว่า ผู้คนที่ผ่านเหตุการณ์ที่ไม่ดีสำหรับตัวเขามาในอดีต การที่วันนี้เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้นั้น ก็นับว่าน่าชื่นชมมากแล้ว ฉันจะปล่อยและมองข้ามข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของเขาไป เพื่อมองความดีและรอยยิ้มที่มีในตัวของพวกเขา และไม่เก็บเอาข้อผิดพลาดนั้นๆ มาทิ่มแทงความคิดเหมือนที่ผ่านมา บทเรียนสุดท้ายการรับมือกับอารมณ์ เป็นบทเรียนที่ยาวนานพอสมควร กับการทำความรู้จักกับความโกรธในตัวเอง ทั้งโกรธผู้อื่น และโกรธตัวเองที่เก็บเอาคำพูดหรือพฤติกรรมต่างๆ มาทิ่มแทงตัวเองอยู่บ่อยๆ จากการที่ได้เรียนรู้สมดุลของผู้ปกป้องและผู้สั่งสอนเรา ก็ทำให้เราเริ่มที่จะใช้พลังภายในของตนเอง โดยการแสดงออกมาอย่างเหมาะสม เริ่มพูดความต้องการของตนเองออกมาอย่างซื่อสัตย์และด้วยความที่เจ็บมาเยอะกับคำพูดของคนที่ตนเองรัก จึงทำให้ตัวเองเรียนรู้ที่จะสื่อสารออกไปด้วยภาษาเชิงบวกมากกว่า เพราะด้วยหัวใจที่ดีงามและเข้าใจความเจ็บปวดนั้น จึงทำให้ฉันเลือกที่จะสื่อความหมายในเชิงบวกและเลือกที่จะไม่เอาคืนด้วยการทำร้ายคนใกล้ชิดด้วยคำพูด อ้อและจากปมภายในใจของฉัน ฉันมองเห็นข้อดีที่ทำให้บุคคลรอบข้างรักฉันคือ มันทำให้ฉันเป็นผู้รับฟังที่ดีพอสมควรเลย
สรุปจากบทเรียนทั้งหมด เพียงเวลาไม่นานฉันก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของตัวฉันเอง ซึ่งฉันมีการบ้านตลอดชีวิตในการที่จะทำงานเป็นทีมร่วมกับตนเองอย่างสมดุลในการดำเนินชีวิตเพื่อตามหาฝัน และเมื่อเจอแล้วฉันจะเดินตามฝันต่อไป เพื่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากโลกนี้ไปตามธรรมชาติฉันจะจากไปด้วยการยอมรับและรอยยิ้มบนใบหน้าของฉัน และจากการเรียนครั้งนี้นั้นยิ่งทำให้ฉันเห็นความสำคัญของการรู้จักหยุดฟังเสียงภายในจิตใจ การเรียนรู้ตนเอง การทำความรู้จักตนเอง ถ้าเป็นไปได้หากคนทุกคนโดยเฉพาะเยาวชนจะมีทักษะการเรียนรู้ตนเอง การเรียนรู้อารมณ์ของตนเอง รู้จักความถนัดและความชอบของตนเองฉันเชื่อว่า คนในสังคมไทยจะเจอเป้าหมายของตนเองและทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและมันจะทำให้สังคมมีเป้าหมายโดยตัวของมันเอง และจะไม่หลงทางดั่งเช่นทุกวันนี้
เรียนรู้และก้าวต่อ ด้วยรัก
จาก สา”
************
www.dhammaliterary.org