“ธงใจเหนือความกลัว” คอลัมน์ ปัญญามีความรัก #๒

ธงใจเหนือความกลัว (สำเนา)

 

เล็ก

ในคำตอบที่เธอตอบฉันมา อีกหลายเรื่องราวที่เราคุยกันกาลก่อน ฉันพินิจเห็นความกลัวในใจเธอ ฉันเห็นความกลัวนั้นเกิดขึ้นอยู่ เหมือนเด็กน้อยแอบอยู่หลังบานประตู มีคุณผู้ปกครองอยู่หน้าบ้าน คือความรู้สึกภายนอก การตัดสินใจ และความคิดฟุ้งซ่านต่างๆ คอยปกป้องเด็กน้อยคนนี้  เล็ก เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นในเมืองกรุงหลวงของประเทศเรา ทำร้ายและพรากชีวิตผู้คนจำนวนมากนั้น เธอเห็นความกลัวเหมือนฉันไหม ความกลัวแพร่กระจายออกมาหลังเสียงกัมปนาท ฉันเฝ้าดู รับรู้ และเพียรเมตตาต่อความกลัวมากมายที่เกิดขึ้น เธอลองดูสิ มีข่าวลืมต่างๆ มีคำประณามสาปแช่ง อีกเสียงร้องอันเจ็บปวด ความพยายามหาผู้รับผิดชอบ คำพูดหลายคำเกิดก่อจากสัญญารับรู้เก่า อันตีความตัดสินบางกลุ่มหรือบางบุคคลไว้ กล่าวโทษกันและคาดคิดภัยร้ายสืบเนื่องเชื่อมต่อ ข่าวสารเล่นล้อเหตุการณ์เชื่อมโยง ความกลัวเกิดขึ้นฉับพลันเหมือนเสียงแห่งการทำลายแล้วแพร่กระจาย

ฉันเองก็เห็นความกลัวในตนเอง ความห่วงใยบังเกิดขึ้นในใจฉัน ความกลัวกระตุ้นความคิดปรุงแต่งเป็นกังวล ในตอนนั้น หากฉันทำได้คงติดต่อไถ่ถามเธอเช่นกัน ขณะความกลัวกำลังครอบงำสังคม ฉันก็เห็นแง่งามผลิบานขึ้นน้อยๆ ด้วยการทำร้ายกันนี้หมายสร้างความกลัวและใจเกลียดชัง ดอกรักก็ยังมีพื้นที่หยัดยืน คนรู้จักกันที่ไม่เคยทักถามนานนับนาน ติดต่อกันทางไกล ใครต่อใครหลายคนส่งผ่านกำลังใจและความหวัง กิจกรรมการกุศลเกิดก่อ ช่วยเหลือกันแม้เป็นคนแปลกหน้าแปลกตา

เส้นทางของเราอยู่ที่นี่ เล็ก ผู้ใดหมายทำลายชีวิตต่อหน้าท้าวมหาพรหม อาจจุดไฟความกลัวและความโกรธแค้นได้ แต่เขามิอาจทำลายความรักที่ยิ่งใหญ่ มหาพรหมยังคงคู่แผ่นดินนี้ งอกงามจากดินแม้พายุก้าวร้าว พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนเราว่าพรหมคือความรักนั้นอยู่ในสี่ประการ คือเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา สิ่งเหล่านี้มิอาจถูกทำลาย แม้ใจคนเราอาจถูกครอบงำด้วยความกลัว จนหลงลืมพรหมในเรา หลงลืมว่าเราต่างอยู่ในจักรแห่งธรรมเดียวกันมิว่าผู้ใดก็ตาม และเส้นทางนี้ทอดไกลในโอบอ้อมแห่งมหาพรหมหล่อเลี้ยง จนถึงที่สุดความรักทั้งสี่อันไร้ขอบเขตจักนำสู่สมาธิวางในรูปทั้งสี่ประการ อันเป็นพลังขับเคลื่อนจักรแห่งธรรมสู่ปลายทางที่พึงปรารถนา

เส้นทางแห่งรักนี้ก็มิง่ายเลย เล็ก อุปสรรคจะปลุกเร้าความกลัวก่อเกิดในใจเรา จนเราไขว้เขวจากเส้นทาง และหลงลืมทั้งจักรธรรมและพรหมในเราไปเสีย เธอรู้ไหม ความกลัวเกิดขึ้นได้อย่างไร หลายครั้งนะที่ความกลัวเกิดขึ้นแต่เราไม่รู้ตัว คำพูดของใครบางคนอาจทำให้เรารู้สึกโกรธ ไม่พอใจ เราอาจถูกทำร้ายแล้วเศร้าหมอง เธออาจเจ็บป่วยแล้วรู้สึกอ่อนแอ พึ่งพาตนเองไม่ได้เลย

เล็ก เบื้องหลังหัวใจมีความกลัวอยู่  เรามีความกลัว หวาดระแวง และกลไกการหนี เธออาจกลัวตนเองไม่ดีพอ เป็นที่ต้องแบกภาระของใครๆ หรือต้องให้ใครเป็นภาระ เธอกลัวถูกทำร้ายเหมือนวันเก่าก่อน กลัวความผิดหวังและการถูกทอดทิ้งในภายหน้า หลายสิ่งนะเล็กที่ความกลัวปิดบังตาเราจากความจริง เรากลัวว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้จะเกิดขึ้น คิดลบในทางร้าย เพราะความกลัวเกิดขึ้นแล้ว ความกลัวมีขึ้นได้ในใจ เพราะเรามีรากแห่งอกุศลทั้งสามคือความทะยานอยาก ความไม่พอใจขุ่นข้อง และความหลงมัวเมา เมื่อเรามีสามสิ่งนี้ เราจึงกลัวอยู่นั่นแล เมื่อเรากลัวแล้วนะเล็ก ความไม่รู้ตัวก็จะพาเรารดน้ำหล่อเลี้ยงกล้าน้อยเหล่านี้ เริ่มจากเรากลัวเพราะความไม่รู้ เราจึงปรุงแต่งความคิดที่พาเรายิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ มีความคิดมากมายเต็มหัวเราไปหมดเพื่อกลบบังความกลัวภายใน หรือเมื่อเราเจอะเจอสิ่งอันไม่ชอบใจ ซึ่งเราเคยเจอประสบการณ์ลบในอดีต ความไม่พอใจพาให้เกิดความกลัว ความกลัวยิ่งปรุงความรู้สึกไม่พอใจจนหัวเสีย หรือรีบหลบหนีไป แทนที่เราจะบ่มเพาะความรักอันงดงามและก้าวไปในเส้นทางที่เราเลือกไว้ด้วยดี เราก็ถูกพันแข้งขาเสียด้วยเถาเครือ

เหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นแล้ว ภัยเกิดขึ้นมา เรารับรู้ ความกลัวในใจเราเกิดขึ้น มิใช่เพียงเพราะเหตุการณ์ภายนอก แต่เพราะรากแห่งอกุศลภายใน เป็นที่เกิดของความกลัวนั้น  เธอลองพินิจตามฉันนะ ในพวกเขาที่ทำร้ายเรา คนที่ทำให้เราไม่สบายใจเหล่านั้น พวกเขาก็มีรากเหล่านี้ เช่นเดียวกันกับเธอและฉัน เพราะเขามีความทะยานอยากใคร่มีใคร่เป็น จึงลงมือทำหรือกล่าววาจาให้ได้ผลที่คาดหวัง ไขว่คว้าหมายเติมเต็มความว่างโหวง เพราะเขามีความไม่พอใจและความขุ่นมัวขุ่นข้อง เขาจึงทำร้ายทำลายกันและกัน ปัดป้องสิ่งต่างๆ หมายขจัดสิ่งที่ไม่ต้องการออกไป เพราะเขามีความหลงมัวเมา จมดิ่งในความไม่รู้เช่นนั้น จึงทำการสิ่งต่างๆ ด้วยความโง่งม และไม่เข้าใจตนเอง พวกเขาถูกครอบงำด้วยความกลัวเช่นนี้ แต่สิ่งที่เขาทำ มิใช่ตัวตนพวกเขา มิใช่ตัวตนอันไม่น่าพอใจ มิใช่ตัวตนอันน่าพอใจ และมิใช่ตัวตนเที่ยงแท้ พวกเขาเป็นบทเรียนที่สอนเราถึงความรักและการเผชิญหน้าความกลัวในตัวเราเอง

ขณะเราก้าวอยู่บนเส้นทางนี้ร่วมกัน เราจะยึดหลักหรือสิ่งใด เพื่อก้าวข้ามความกลัวสู่ทางภายหน้า เล็ก ลองดูที่ธงทั้งสามผืนนะ ฉันจะเล่าเรื่องหนึ่งให้เธอฟัง นานมาแล้ว พระพุทธเจ้าท่านกล่าวถึงศึกสงครามระหว่างเทพและมาร เทวดาน้อยใหญ่ในการศึก แม้ไร้ทุกข์แล้วก็ยังมีความกลัว มีความสะดุ้งระแวง และมีความหนีไปอยู่ ท้าวสักกะผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่เทพเทวา ตรัสสั่งว่าหากเกิดความกลัวขึ้นจงมองที่ยอดธงของท่าน แล้วความกลัวทั้งมวลจะหายไป แล้วหากไม่มองที่ยอดธงท่าน ก็ให้มองยังยอดธงของท้าวเทพองค์ต่างๆ อีกสามท่าน ดังนี้แล้วเหล่าเทพเทวดาจึงหายกลัว แต่ก็ยังมีความกลัวอยู่บ้าง หวาดระแวงอยู่บ้าง หนีไปอยู่บ้าง เพราะเหตุใดหรือเล็ก ก็เพราะว่าท้าวเทวดา ท่านยังมีรากแห่งอกุศลอยู่นั่นเอง ยังไม่สิ้นซึ่งรากแห่งอกุศลนั่นเอง ยังมีความทะยานอยากพอใจ มีความไม่พอใจขุ่นข้อง และมีความหลัวมัวเมา มีแหล่งเกิดของความกลัวอยู่

ทำอย่างไรดีนะ พระพุทธเจ้าท่านจึงแนะนำว่า เช่นนั้นเราจึงควรมองที่ยอดธงที่ปราศจากแหล่งกำเนิดความกลัวทั้งสามสิ ได้แก่ยอดธงแห่งพระพุทธเจ้า ผู้นำทางของโลกที่ขจัดแล้วซึ่งรากแห่งอกุศล เมล็ดพันธุ์แห่งกิเลศ และบ่วงนานา ยอดธงแห่งพระธรรม อันกล่าวถึงความดี ความงาม และความจริงอันยิ่งแล้ว ยอดธงแห่งพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ผู้เจริญรอยตามอยู่ ผู้ขัดเกลาตนเอง ทั้งนี้ ท่านมิได้บังคับเราหรอกนะว่าต้องมองที่ยอดธงทั้งสาม ท่านกล่าวก่อนว่าให้ระลึกถึงท่าน หากไม่ระลึกถึงท่าน ก็ให้ระลึกถึงพระธรรม หากไม่แล้วก็ขอให้ระลึกถึงพระสงฆ์แทน

เราในจักรแห่งธรรมวงเดียวกัน อาจต่างวาระกาล และวาระเทศสถาน จึงอาจมีศาสดาในวาระหน้าที่และการปรากฏแตกต่างกัน ท่านมิใช่ตัวตนให้เรายึดแบกไว้ แม้แตกต่างกระนั้นก็ขอให้เราระลึกที่ความดี ความงาม และความจริง อันมีร่วมกันในคำสอนที่สืบสานจากทุกศาสนาจริง อาจมีการเรียกขานด้วยคนละถ้อยคำ และต่างบริบท กระนั้นเราก็สามารถระลึกถึงผู้ปฏิบัติดี ผู้เจริญรอยตามในพระธรรม ผู้ขัดเกลาตนเองตามพระศาสดา ที่ได้ละแล้วซึ่งรากแห่งอกุศล

เล็ก เมื่อเรามองที่ธง แม้ใจเราอาจยังเป็นดินที่มีรากแห่งอกุศลอยู่ แต่ความระลึกรู้จะไม่เกาะเกี่ยวที่ใจเราแล้ว จะเป็นนกบินออกมาจากรังบนต้นไม้แห่งความกลัว แม้มีความเป็นอกุศลอยู่ในดิน แต่ใจเราไม่ได้ยึดติดที่นี่แล้ว เธอจะบินขึ้นมาบนท้องฟ้า พ้นจากเครือเถาแห่งความทะยานอยากพอใจ ความไม่พึงพอใจขุ่นข้อง และความหลงมัวเมา บินเหนือต้นไม้แห่งความกลัวเหล่านั้น เราระลึกถึงธงทั้งสาม เพื่อละวางการยึดติดในตัวตนนี้ เราจึงเป็นอิสระจากความกลัว ไม่เป็นตัวตนที่ถูกเครือเถาผูกรัดไว้ แต่เป็นนกที่บินขึ้นมาจากดิน

เมื่อใจเธอเป็นอิสระนะเล็ก เป็นนกที่บินขึ้นมา เธอย่อมเห็นหนทางแห่งเรา ย่อมรู้ว่าเส้นทางนี้ทอดมาอย่างไรและจะก้าวไปอย่างไรมิลังเล เธอย่อมรักตัวตัวเองและคนอื่นๆ อย่างไม่มีเงื่อนไข เธอจะดูแลตนเองและใครเหล่านั้นได้โดยไม่ถูกปิดกั้นด้วยความกลัวใดใด ใครอีกหลายคนคงรอให้เธอพาเขาขึ้นมาจากดินนี้ เพื่อไปยังวิหารแห่งพรหมที่ยิ่งใหญ่ ในโอบอ้อมแห่งความรักไพศาล และแนบเนาบนเมฆาสมาธิ โปร่งเบา ไม่ยึดในรูปตนใดแล้ว อยู่ในความเป็นอิสระไกล ทุกคนต้องการที่จะเป็นอิสระ เล็ก แต่ความกลัวก็ผูกเขาไว้  เราจะปลดเถาเหล่านั้น

บนฟ้านี้ เธอจะเห็นว่าความกลัวเพียงอำพลางไว้อย่างเครือเถาขึ้นคลุมเส้นทาง หรือหญ้าปกรกครึ้ม มิได้พรากถนนเส้นความรัก ความงาม และความจริงไปเลย  เวลาที่ผ่านมา แม้เธอสับสน หวาดระแวง และหนีไปอยู่หลายครั้ง ฉันอาจต้องดุกล่าว ตักเตือน ขอร้องกัน หรือเศร้าซึมใจ แต่เมื่อฉันมองไปที่ธงเหล่านั้นคราวใด ฉันเห็นเธอทุกครา ฉันมีศรัทธาที่มั่นคงว่า เธอยังคงอยู่ตรงนี้

 

 

รุณา

คืนวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตีสามสิบสองนาที