ถ้อยคำของแม่

 

ายใจเข้า  ลมหายใจกระทบจมูก ช่องแห่งหัวใจรับรู้ เรารู้สึกแล้ว ผัสสะเกิดขึ้นแล้ว การหายใจเกิดขึ้นมา ลมหายใจบำรุงหล่อเลี้ยงร่างกาย เรากำลังมอบความรักแก่ชีวิตในปัจจุบันขณะ

หายใจออก  เราโอบอุ้มร่างกายและจิตใจก่อนคลายออก โอบอ้อมกระแสลมสู่กายและคลายอ้อมจิตคืนสายลมสู่ธรรม

เพราะมีแม่ จึงมีสรรพสิ่งต่างๆ เมล็ดพันธุ์ที่ร่วงหล่น ย่อมมีความเป็นต้นไม้ที่มา ในลูกนั้นย่อมมีแม่อยู่เสมอ ทว่าแม่นั้นมิใช่เพียงบุคคล เพราะเราเองก็มีแม่อยู่ในตนอีกด้วย เป็นผู้ให้กำเนิด บำรุงเลี้ยง อ้อมกอด และความรัก สิ่งเหล่านี้ดำรงในเลือดเนื้อและชีวิตชีวาลูกน้อย

ขณะเราจรดปลายปากกา เราตั้งครรภ์ความคิดรู้สึกรู้สา คลอดถ้อยคำและเรื่องราวสู่โลกหน้ากระดาษ เราได้ชื่อเป็นผู้เลี้ยงดู คอยดูแลตรวจตราและปรับแต่งงานเขียน เรารับลูกคนนี้ไว้ในอ้อมแขน ถนอมและปกปักษ์รักษา มิให้ใครยื้อแย่ง หวงแหน เป็นเจ้าของชิ้นงาน เราอาจให้กำเนิดถ้อยคำเหล่านี้ ด้วยความรักและแรงสร้างสรรค์ หรืออาจคลอดเพราะใจอยากผลประโยชน์ หวังเงินทอง ความยินดี และการประกาศตัวตนให้เป็นที่ล่วงรู้

ความเป็นแม่ดำรงอยู่ในจิตใจ การถือกำเนิดเกิดขึ้นทุกขณะ ในชั่วพริบตา เรารับรู้ถ้อยคำนานา ความรู้สึกมาตกกระทบ ประสมเชื้อความจำในวันวานที่กอบเก็บ ตั้งครรภ์ความคิดนึก ปรุงแต่งเป็นตัวตน คลอดชีวิตเราในแต่ละวินาที

เราต่างเป็นแม่ ผู้มีพลังสร้างสรรค์ มีมือที่สามารถหยิบยื่นและเพาะปลูกสิ่งต่างๆ แก่บ้านหลังใหญ่ เราสามารถประดิษฐ์ความคิด ความรู้สึก และกระทำสิ่งนานาให้บังเกิด เราอาจร่วมเพาะเมล็ดพันธุ์อันงดงามแก่สังคม หรือถมทับความเกลียดชังด้วยวาจาดุร้าย ความเป็นผู้สร้างสรรค์ในตัวเราสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ รอบตัวได้จากจุดที่เล็กที่สุด หรือร่วมสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

หายใจเข้า เมื่อใจแม่งอกงามบนดินแห่งความกรุณา โลกย่อมเปี่ยมรัก หากใจแม่เติบใหญ่จากดินเปื้อนสารพิษ ย่อมกำเนิดสิ่งหม่นหมอง

หายใจออก หัวใจแม่อยู่ในลูกนี้ ลูกจะตั้งใจแม่ ปลูกลงบนดินแบบใด

ระหว่างบุตรแห่งอักษรเกิดกายเป็นเส้นคดโค้ง ลูกก็ฟ้องความเป็นแม่อยู่ในที เราย่อมอ่านงานเขียนทวนย้อนสู่ต้นกำเนิด เมื่อใจกำหนดคำกำเนิดมา เราย่อมสามารถอ่านให้เห็นใจ

การเขียนเพื่อพัฒนาตน เราจึงต้องมีการทบทวนและสะท้อนลงลึกจากบันทึกหรือชิ้นงาน เพราะถ้อยคำมิได้เกิดขึ้นเอง แต่ด้วยความเป็นแม่ภายในอันประกอบด้วยกระบวนแห่งจิต เราจะพาลูกกลับคืนสู่แม่ ทบทวนที่มาแห่งคำ สะท้อนการปรุงแต่งของจิตใจ ลูกงานเขียนที่วกวนสับสน บอกถึงแม่หัวใจที่หลงทางในวันวาน

ความเป็นแม่ในตัวเรา คือพื้นฐานหนึ่งของการมีชีวิต เราสร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น ตั้งแต่ระดับจิตใจ ร่างกาย และการกระทำ ความเป็นแม่ก็สร้างสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวตนที่เป็น เราจะเขียนเพื่อเปลี่ยนแปลง เราต้องกลับมาหาแม่ภายใน เยียวยาแม่ในตัวเราที่ก่อทุกข์ไม่สิ้นสุด

หายใจเข้าลงลึก ลูกหลายคน อึดอัดทรมานกับความเป็นแม่ที่บีบคั้น แม่ผู้จำกัดครอบงำ หรือแม่ผู้บีบรัดบังคับ เราต้องการความเป็นอิสระ การเป็นตัวของตัวเอง และการพึ่งพาตนได้ ทว่าในหัวใจเราก็มีแม่แบบนี้ ความเป็นแม่ภายในที่ต้องการโอบอุ้มดูแลสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในจิตใจเรา ร่างกายก็มีระบบคุ้มกัน ปกป้องตนระวังภัย หัวใจก็มีรั้วคุ้มครอง เรามีการจัดการตัวเองอยู่ภายในท่าทีชีวิต

หายใจออก แม่ในตัวเราช่วยตอบความต้องการพื้นฐานให้เราได้รับการคุ้มครอง แต่หลายครั้งความเป็นแม่ตกอยู่ใต้ความกลัว จึงพยายามปกป้องมากเกินไป กลายเป็นบีบบังคับหรือจำกัดอิสรภาพ บางครั้งเราก็รู้สึกอึดอัดกับตนเอง มีเสียงบ่นวิจารณ์ภายในมากมาย เกร็งจนมิอาจขยับขาก้าวข้ามสู่อนาคต แม่ทั้งภายในและภายนอก ต่างปรารถนาดีต่อเรา แต่การโอบอุ้มไม่เหมาะสมย่อมกลายเป็นโอบรัด เพราะความกลัวที่อยู่ในจิตใจ แม่จึงกอดเราไว้ด้วยกลัวการสูญเสีย

หลายคนไม่อยากเขียนบันทึกเพื่อเผชิญหน้ากับความทุกข์ บางคนกลัวการตั้งคำถามต่อตนเอง กลัวความสับสน หวั่นไหวกับความจริงจึงไม่ได้แก้ปัญหา นักเรียนการเขียนบางคนรู้สึกแย่เมื่อเห็นความฟุ้งซ่านในตัวเองจึงเก็บกดไว้ด้วยความคิดที่ฟุ้งซ่าน  แม่ภายในเป็นห่วงใยตัวเรา จึงสร้างท่าทีปกป้องตัวเราจากความทุกข์ หนีความไม่พอใจและความไม่สบายใจ แต่มิปล่อยให้เราได้เติบโต

หายใจเข้า เราต่างต้องการการเลี้ยงดู บ่มเพาะหล่อเลี้ยง เพื่อการเติมเต็มและการเติบโต ความเป็นแม่ภายในได้ยินเสียงแห่งความปรารถนาจากบุตรน้อย จึงฉวยคว้าสิ่งต่างๆ เข้ามาในร่างกาย หัวใจ และชีวิต  แม่ภายนอกบางท่านป้อนข้าวเด็กจนสำลักอาเจียน มอบสิ่งต่างๆ จนเกินจำเป็น บ่มนิสัยเห็นแก่ได้ของลูก ชุบเลี้ยงจนอ้วนพลี เติมความต้องการจนมิอาจเติมเต็ม แม่ภายในเราก็ไขว่คว้าสิ่งนานาเพื่อหมายเติมความว่างโหวงไม่สิ้นสุด

หายใจออก ชีวิตอันสมบูรณ์แบบ คนรักอันเต็มเปี่ยมด้วยข้อดี อาหารเลิศรส ความสนุกสุดเหวี่ยง ความเพลิดเพลินมัวเมา การศึกษาชั้นดี คอร์สอบรมหลากหลาย เราหลายคนแสวงหามาอุดแก้วใจอันรั่วร้าว

เมื่อเราเขียนบันทึกหรือจรดปากกาแต่งหนังสือ แม่ภายในก็หวังเติมเต็มหน้ากระดาษด้วยแรงปรารถนา แต่หลายครามือมิอาจเคลื่อนไป เพราะใจพร่ำบ่นเสียงติเตียนและตั้งข้อสงสัยนานา แรงปรารถนาของแม่ภายในอาจมากเสียจนกลบบังปัญญา เราคาดหวังผลจากการเขียนยาวไกลกว่าเส้นบรรทัด กรอบต่างๆ ในตัวเราปิดกั้นพื้นที่ตัวอักษร แม่ภายในเป็นห่วงตัวเรามากเกินไป ขังลูกไว้ในบ้านอันปลอดภัย

ขณะเราเดินทางตามหารัก หรือเฝ้าหวังรอคอยอย่างตัวละครในนิทาน แม่อาจเป็นคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งที่จะสอนเราถึงความรักอันไร้เงื่อนไข ลูกมิจำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องเป็นคนดีหรือเก่งกว่าใคร เพียงลูกเป็นลูกแล้ว แม่ย่อมรักถนอมขวัญ เมื่อแม่คือพระอรหันต์ของเรือน บุตรทั้งหญิงชายย่อมเป็นเชื้อไขแห่งพุทธองค์

หายใจเข้า ความรักของแม่ดำรงในลมหายใจ เราย่อมบังคับให้การหายใจสิ้นสุด หากหัวใจขาดแคลนรัก ด้วยสิ่งนี้ใช่เติมเต็มจากที่อื่น หากแต่งอกงามจากหัวใจตน แม่ให้ชีวิตไม่เพียงพอ เพราะลำพังเลือดเนื้อกับจิตใจ ไม่พอแก่การเป็นมนุษย์ แม่จึงให้ความรักด้วย เพื่อบอกลูกน้อยว่า ชีวิตนี้มีค่านัก

เมื่อใครคนหนึ่งเห็นความรักในตนเอง เขาหรือเธอย่อมสามารถมอบความรักเปี่ยมล้นแก่ผู้อื่น เราต่างมีรักในตัวและหัวใจ แต่รักเหล่านั้นอาจถูกครอบงำด้วยเงื่อนไขต่างๆ ฉันจะรักตัวเองก็เมื่อ…  ฉันจะรักตัวเองถ้า… หายใจออก เรามิอาจรักตัวเองอย่างที่เป็น เพราะแม่ภายในเราห่วงหวงเป็นเจ้าของ ตีกรอบเงื่อนไขแก่ตัวนานา ปิดกั้นรักมิให้งอกงาม

ความรักตัวเองที่แท้จริง มิใช่ความเห็นแก่ตัว เมื่อรักใครหวังแก่ได้ เราย่อมรักเพราะผลประโยชน์ มีผลประโยชน์เป็นเงื่อนไข เมื่อใจเราถูกผูกมัดด้วยการเป็นเจ้าของและหวังการตอบแทน เราย่อมเป็นดั่งแม่ผู้หลงลืมรักในตนเอง เมื่อเรารักตัวเองแบบเห็นแก่ตัว เราย่อมใช้ประโยชน์อย่างเอาเปรียบตัวเอง ทำร้ายร่างกาย บั่นทอนหัวใจ

ยามเราสร้างสรรค์ถ้อยคำลงสมุดหรือคอมพิวเตอร์ เมื่อใจเปี่ยมรักแล้ว เราย่อมใช้การเขียนเป็นเครื่องมือแห่งรัก เพื่อดูแลหัวใจ ร่างกาย และชีวิตอย่างเห็นคุณค่า หากการเขียนเป็นไปเพื่อสื่อสารใครสักคน เราย่อมจูงมือถ้อยคำออกมาพูดคุยกับผู้อ่าน ด้วยความปรารถนาดี มิใช่การโจมตี บางครั้งเราอาจเจ็บปวดกับถ้อยคำหรือท่าทีผู้เป็นแม่ เราทุกข์จนมิอาจเห็นรักภายในแววตาและน้ำเสียงของท่านได้เลย ความห่วงหวงก็บดบังรักในหัวใจ ท่านจึงมิอาจแสดงออกจากรักได้กระจ่าง

การเขียนบำบัดก็ย่อมเป็นไปเพื่อส่งเสริมจิตใจเราให้ดึงภาวะแห่งแม่ ปลุกศักยภาพของการสร้างสรรค์ การบ่มเพาะ การโอบอุ้มปกปักษ์ และความรักที่ไร้เงื่อนไข สิ่งเหล่านี้ย่อมแผ่ขยายพลังของการเปลี่ยนแปลงจากจิตใจเรา สู่ความสัมพันธ์รอบข้าง แล้วย่อมมีคุณอนันต์แก่สังคม

สำหรับนักเรียนการเขียนบำบัดและการเขียนเพื่อพัฒนาชีวิต ขอให้เราตั้งเป้าหมายของการเขียนอยู่เป็นนิจ เพื่อน้อมนำความเป็นแม่ภายใน เราจะเขียนเพื่อบ่มเพาะตน โอบอุ้มทุกสิ่งบนหน้ากระดาษ ยอมรับกับความจริงอันหลากหลาย และเพื่อรักตัวเราอย่างแท้จริง

ลองบันทึกสำรวจแม่ของเรา ผู้ที่เคยให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามา แม่ของเราอาจไม่เหมือนแม่คนอื่นย่อมได้ แม่ของเราอาจเป็นใครคนหนึ่งที่เลี้ยงดูเรามา แม้มิให้กำเนิดร่างกาย แต่ให้หัวใจ

ท่านเป็นอย่างไร มีความทรงจำที่งดงามใดกับท่านบ้าง บันทึกเรื่องราวเหล่านั้น ก่อนสำรวจลงรายละเอียด ท่านมีข้อดีและสิ่งดีๆ ในตัวท่านอย่างไร แล้วมีข้อเสียหรือสิ่งใดเคยทำร้ายหรือทำให้เราทุกข์ใจ

เมื่อมองแม่แล้ว ย้อนกลับมามองลูก ซึ่งคือตัวเราเอง มีส่วนใดเหมือนแม่บ้าง ทั้งหน้าตา นิสัย สิ่งดีๆ เหมือนในตัวท่าน และสิ่งที่ต้องดูแลปรับปรุง ขอให้เราใคร่ครวญ แม้สิ่งที่เราชื่นชมและแอบชัง สิ่งเหล่านั้นล้วนมีอยู่ในตัวเราเช่นกัน ทั้งท่าทีต่อผู้อื่น และท่าทีต่อตัวเราเอง

เราดูแลแม่ภายใน เท่ากับเรากำลังดูแลความสัมพันธ์ระหว่างเรากับท่านด้วย สิ่งที่เคยทำร้ายเราก็อยู่ในตัวเรานี้ สิ่งที่เคยบ่มเพาะหล่อเลี้ยงชีวิตชีวาน้อยๆ ก็งอกงามอยู่ข้างใน

หายใจเข้า ลมหายใจเดินทาง ดวงตารับรู้ถ้อยคำ ดวงใจรับสาร เกิดรู้เข้าใจ ผัสสะเกิดขึ้นแล้ว เมื่อมีแม่ จึงมีสรรพสิ่งขึ้นมา มีหัวใจพระพุทธเจ้า มีนักเขียน จนถึงการเยียวยา

หายใจออก ลมหายใจนี้มิใช่ของเรา แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของลมหายใจแม่ ถ้อยคำที่เราเขียนลงหน้ากระดาษหรือจอกระจก เหล่านี้มิใช่ของตน มือใครหนอที่พามือเด็กน้อยจับดินสอ ชี้ชวนอ่านตัวหนังสือ กำหนดจุดไข่ปลาให้ลากเส้นตาม ใครหนอเขียนให้เราเห็นเป็นแบบเรียน เวลาล่วงเลย ยามมือเราเธอและฉัน หยิบปากกาขีดเขียนฉับไว มือแม่ก็กำลังจับปากกาลากเส้นอักษร ครูเหล่านั้นในอดีตกำลังเขียนไปพร้อมกับเราในวันนี้

 

94

 

ภาพประกอบจากการอบรมหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต

คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา #9