รางวัลชมเชย ผลงาน วัดที่ฉันหวัง : น้องบุษปศร

 

 

รู้สึกเสียใจที่ไม่ชนะเลิศ แต่ก็กำหนดหมายในความเป็นอนิจจังและอิทัปปจยตาไว้แล้ว ก็คงไม่เสียใจนานและหวังว่าจะมีโอกาสได้เขียนอีก ขอบคุณที่อ่านผลงานของหนูนะคะ
.
วัด เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา หากวัดไม่ทำตามหลักธรรมที่ถูกต้องแล้ว สัญลักษณ์นี้ก็จะไร้ค่า ไม่ได้ช่วยคน แต่กลับสร้างทุกข์ให้คน กลายเป็นองค์กรหากิน และต้องสลายไปในสักวันเพราะไร้คนศรัทธา
.
นางสาวบุษปศร บุณยศิริศรี เยาวชนผู้ได้รับรางวัล ชมเชย จากการประกวดงานเขียน ธรรมวรรณศิลป์ ครั้งที่ ๗ หัวข้อ “วัดที่ฉันหวัง”
.
.
ผลงานความเรียง : วัดที่ฉันหวัง
.
เมื่อพูดถึงพุทธสถาน สถานที่แรกที่เรานึกถึงกันนั้นคงเป็น วัด สถานที่ที่แสดงความเป็นชาวพุทธเมื่อถึงวันพระหรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา แต่บางประเพณีเราก็ไปทำกิจกรรมที่วัด เช่น วันลอยกระทง วันสงกรานต์ เป็นต้น หรือเมื่อต้องการประกอบพิธีอุปสมบถ เราก็จะไปจัดงานที่วัดกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหมายความว่า วัดเป็นสถานที่ที่สำคัญมากในชีวิตของคนไทยเรา
.
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น วัดมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยเรามาก ฉะนั้น หากวัดที่ซึ่งเป็นที่พักพิงนั้น ไม่ได้เป็นแหล่งพักพิงให้เราจริงๆ วัดจะกลายเป็นสถานที่ที่คนไม่ให้ความเคารพนับถือใดๆ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้คนไทยเราห่างจากศาสนามากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เราจึงต้องหันมาใส่ใจว่าวัดที่ดีและน่าเคารพนับถือนั้นควรจะเป็นอย่างไร แต่อย่างแรกที่เราต้องมองให้ออกว่า เพราะเหตุใด คนไทยสมัยนี้ถึงได้ขาดความเชื่อถือในศาสนาพุทธ
.
การที่คนไทยขาดความเคารพนับถือในศาสนา เป็นเพราะว่าผู้ที่บวชเข้าไปอยู่ในวัดนั้น ไม่มีความเป็นพระ อย่างชื่อที่เรียกจริงๆ จากที่เราได้เห็นตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ เรามักจะเห็นข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพระเต็มไปหมด ทั้งพระที่ยุ่งเกี่ยวกับสีกา พระที่ดื่มสุราและสูบบุหรี่ พระที่หากินกับความศรัทธาของคน หรือแม้กระทั่งพระที่ห่มผ้าเหลืองเพื่อหนีคดีความ และเมื่อคนที่เรียกตัวเองว่าพระ คนที่เป็นตัวแทนเผยแพร่ศาสนานั้นไม่ปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลในธรรมอย่างที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ จึงเป็นสาเหตุให้คนไทยเราขาดความเชื่อถือในศาสนา และบางครั้งยังมีผู้ไม่หวังดี พยายามสร้างคำสอนขึ้นมาโดยอาศัยปากบอกว่าเป็นคำสอน เผยแพร่คำสอนผิดๆ ทั้งเรื่องการกราบไหว้ขอพร หรือการสะเดาะเคราะห์ จนทำให้มีคนไทยบางส่วนหลงเชื่อ แต่คนไทยบางส่วนนั้นไม่เชื่อ และทำให้มองพุทธศาสนาเป็นเรื่องไร้สาระไปในที่สุด
.
ในสมัยเด็กๆนั้น ฉันมักชอบเวลาที่ได้ไปทำบุญที่วัดบ่อยๆ เพราะได้ไปกับครอบครัว แต่เมื่อยิ่งโตขึ้น ฉันก็ได้มองเห็นความจริง ว่าพระที่ฉันเคารพนับถือและกราบไหว้ ท่านนั้นสอนความเชื่อผิดๆให้กับผู้คน ทำให้ชาวบ้านมากมายบริจาคเงินให้วัด แล้วพากันขอพรต่างๆ บางทีการที่พวกเขาได้ทำแบบนั้นอาจจะทำให้พวกเขาสบายใจ และมีแรงใจในการทำมาหากินต่อไป ตอนเด็กๆฉันมองเพียงแค่นั้น แต่เมื่อโตขึ้น ฉันถึงได้คิดให้มากขึ้นว่าการที่เขาทำบุญและขอพร มันทำให้พวกเขาสบายใจขึ้นก็จริง แต่นั่นก็เป็นเพียงชั่วครู่ หากเขาไม่อาจปล่อยวางได้ และคนที่ควรจะสอนเขาเช่นพระสงฆ์กลับไม่บอกสอนทางออกแห่งทุกข์ที่แท้จริงได้ เขาก็จะวนเวียนอยู่ในวังวนแห่งทุกข์นี้ดั่งเดิม
.
ฉันจึงมองว่าวัดนั้นควรจะช่วยกันเผยแพร่คำสอนที่ถูกต้องให้กับชาวบ้านที่ไปทำบุญที่วัด คอยบอกหลักธรรมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ หากแต่ยังมีคนบางส่วนที่มองว่าตนนั้นทำไม่ได้ ผู้ที่สามารถอยู่ในธรรมได้นั้นมีเพียงพระที่ละทางโลกแล้ว ก็อยากให้พระท่านนั้นชี้แนะว่าไม่เป็นความจริง หลักธรรมที่สามารถอยู่ร่วมกับทางโลกและทำให้พ้นทุกข์นั้นมีอยู่ ก็คือการปล่อยวาง ไม่ยึดติดในอัตตาตัวตนใดๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ล้วนขึ้นอยู่กับตัวพระท่านเองว่าปฏิบัติตามคำพูดนั้นได้จริงหรือไม่ หากบอกให้ญาติโยมปล่อยวางเสีย แต่ตนยังยึดมั่นในเงินทองที่ได้จากการบริจาค ยังยึดมั่นจากชื่อเสียงที่ดังกระฉ่อน หากยังเป็นเช่นนั้นคงไม่มีใครเชื่อถือในศาสนาพุทธจริงๆ
.
สภาพแวดล้อมนั้นก็สำคัญสำหรับวัดเช่นกัน หากเป็นพื้นที่ที่มีความสงบ ร่มรื่น อากาศถ่ายเทสะดวก ก็จะทำให้การปฏิบัติธรรม นั่งสมาธินั้นได้ผลดีมากขึ้น ในพื้นที่ที่ฉันอยู่นั้น มีวัดที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยอยู่ จึงทำให้มีผู้คนมากหน้าหลายตามาเยี่ยมชมกันเยอะมาก แต่เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวเยอะ จึงต้องมีที่จอดรถเยอะเช่นเดียวกัน และนั่นทำให้วัดแห่งนี้แทบจะไม่มีต้นไม้เลย ทำให้วัดแห่งนี้นั้นมีอากาศที่ร้อนมากๆเพราะไม่มีร่มเงาของต้นไม้ใบหญ้า อีกทั้งควันจากรถยนต์ และกลิ่นอาหารจากร้านที่เข้ามาตั้งแผงขายของ ถือว่าเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่ในการพักผ่อนหย่อนใจเลยทีเดียว และหากเรากำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น แล้วสูดเข้าไปทั้งควันพิษและกลิ่นอาหาร การนั่งสมาธิที่ทำคงส่งแต่ผลร้าย เพราะสิ่งกวนใจเหล่านี้ล้วนทำให้เราฟุ้งซ่าน อาจจะเพราะอาการปวดหัว หงุดหงิดจากควันเสีย หรือความอยากอาหารที่เกิดขึ้นจากกลิ่นที่มาก่อกวน ฉันจึงไม่ค่อยชอบวัดแห่งนี้เท่าไหร่ เพราะสิ่งที่คนมุ่งหวังและวัดแห่งนี้ตอบสนองคือการขอพรจากรูปหล่อของพระพุทธองค์เท่านั้น
.
ฉะนั้น ฉันจึงหวังว่าวัดในประเทศไทยทุกแห่งหรือบางแห่งมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น คนที่เข้าไปบวชเป็นพระ ต้องเข้าไปบวชด้วยใจที่ต้องการศึกษาธรรมอย่างจริงจัง ไม่ใช่เป็นพระที่หวังฉวยโอกาสหากินกับความเชื่อของคน ไม่ยึดติดกับเงินทองที่คนเอามาบริจาค แต่หากเป็นการบริจาคเพื่อค่าน้ำค่าไฟหรือการบำรุงพุทธสถานนั้นก็ขึ้นอยู่กับคนศรัทธา ไม่ต้องไปเดินเรี่ยไรขอบริจาคตามบ้าน เพราะการศรัทธานั้นขึ้นอยู่กับตัวพระท่านเองว่าน่าศรัทธาหรือไม่ ซึ่งความน่าศรัทธานั้นก็เกิดขึ้นจากว่าท่านปฏิบัติตามคำสอนได้จริงรึเปล่า และท่านมีใจเผยแพร่หลักธรรมให้ชาวบ้านพ้นทุกข์หรือไม่ ไม่เป็นพระที่บวชเพื่อหนีความผิด ไม่เป็นพระที่ยังยุ่งเกี่ยวกับสีกาและสุราเมรัย เพราะถ้าหากศีล ๕ ยังไม่อาจจะรักษาได้ หลักธรรมอื่นท่านคงไม่อาจเข้าใจและทำได้เช่นกัน และนั่นจะนำมาซึ่งความเกลียดชังต่อศาสนาพุทธของคน และสุดท้าย คือไม่เป็นพระที่ยึดติดกับชื่อเสียง เมื่อยึดติดกับชื่อเสียง จึงพยายามสร้างสิ่งแปลกๆขึ้นมาในบริเวณวัด เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจ คนจะได้เข้ามาเที่ยวเยอะๆ คนได้เข้ามาทำข่าว แต่นั่นก็เท่ากับเป็นการทำลายสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการปฏิบัติธรรมไป และวัดก็จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมือนกับสวนสัตว์ที่มีเพียงไว้ชี้นิ้วให้ลูกดูสิ่งก่อสร้างแปลกประหลาดแต่ไม่อาจทำหน้าที่เป็นพุทธสถานอย่างที่ควรจะเป็นได้เลยแม้แต่นิดเดียว
.
.
ติดตามบทความ และ การอบรม #เขียนเปลี่ยนชีวิต ได้ที่ www.dhammaliterary.org