รางวัลชนะเลิศ ผลงาน วัดที่ฉันหวัง : น้องวรินทรา

 

 

“ตอนแรกสถาบันโทรมาก็ถามชื่อค่ะ ก็แอบกลัวนิดๆว่าเราไปให้ชื่อใครไว้ตอนไหน พอต้นสายแจ้งว่าได้รับรางวัลก็ดีใจมากๆเลยค่ะ จะนำเงินส่วนนี้ไว้เป็นขวัญถุงและทำประโยชน์ต่อไปค่ะ
.
ในส่วนของหัวข้อที่ได้รับถือเป็นหัวข้อที่สามารถนำเสนอได้ชัดเจนมากค่ะเพราะในสังคมเรายังมีตัวอย่างที่สอดคล้องกับ วัดที่ฉันหวัง ให้เห็นอยู่ จึงได้หยิบยกตัวอย่างนั้นมาเขียนลงไปในหัวข้อค่ะ
.
วัดที่ฉันหวังสำหรับหนูก็ได้นิยามออกมาว่า วัดที่หนูนึกคิดอยากให้เป็น และก็หวังว่าทุกคนจะช่วยให้วัดที่ทุกคนหวังมีจริงนะคะ”
.
นางสาววรินทรา แหกาวี เยาวชนผู้ได้รับรางวัล ชนะเลิศ การประกวดงานเขียน ธรรมวรรณศิลป์ ครั้งที่ ๗ หัวข้อ “วัดที่ฉันหวัง”
.
ผลงานความเรียง : วัดที่ฉันหวัง
.
“ ลูกเอ้ย ตื่นเร็วๆ ” เสียงของหญิงคนหนึ่งดังเข้ามาในหูฉันแต่ทว่าฉันยังนอนอยู่นิ่งๆไม่ลุกไปไหน “ สายมากแล้วนะลูก เดี๋ยวจะไม่ทันพระฉันเช้าเอานะลูก ” พอแม่ได้พูดประโยคนี้จบ ฉันบอกตัวเองในใจว่า “ เอาน่า ไปเดี๋ยวเดียว แล้วค่อยกลับมานอนต่อก็ได้ ” ฉันลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็วเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวอย่างเร่งด่วนและเพื่อความพร้อมในการทำกิจกรรมต่อไป หลังจากนั้นเมื่อฉันอาบน้ำเสร็จฉันก็รีบวิ่งไปที่หน้าประตูบ้านและกระโดดขึ้นจักรยานคันโปรดที่จอดรอฉันอยู่ ฉันรีบปั่นจักรยานออกมาก่อนเพราะฉันกลัวว่าพ่อและแม่ที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาทีหลังจะแซงฉันไปเสียก่อน
.
“ กริ๊ง ๆ ๆ ” เสียงกริ่งจากจักรยานของฉันดังตั้งแต่หน้าวัดจนมาถึงหน้าห้องโถงใหญ่ที่พระใช้ทำศาสนกิจ หน้าห้องโถงนั้นมีชายหญิงสูงวัยยืนอยู่กลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ไม่ใช้ใครที่ไหนหรอกป้าของฉันและเพื่อนๆวัยเดียวกันของป้า ฉันจอดจักรยานของฉันไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ๆต้นหนึ่งที่มีจักรยานจอดอยู่อีกเกือบสิบคันและกวาดสายตาไปรอบ ๆ วัด ฉันเห็นคนอีกสองถึงสามกลุ่มคุยกันอยู่ตามที่ต่าง ๆ ฉันก็วิ่งเข้าไปหาป้าของฉันและไปกวนเพื่อนๆของป้าตามประสาเด็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานพ่อและแม่ของฉันก็ตามมาถึงและเข้ามายืนคุยกับป้าและเพื่อนๆของป้า ฉันไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดสักเท่าไหร่ จับใจความได้เพียงประมาณว่าในต่างอำเภอมีวัดที่สวยงาม มีทิวทัศน์ที่โดดเด่นเพราะว่าวัดนี้อยู่บนเขา แต่คุยกันยังไม่ทันจบเรื่องก็ถึงเวลาใส่บาตรพระเสียก่อน ผู้ใหญ่กลุ่มนี้จึงยังคุยกันไม่เสร็จดีนักและฉันเชื่อว่าเขาจะต้องนัดกันคุยอีกหลังจากใส่บาตรและรับพรเสร็จ หลังจากนั้นเราทั้งหลายก็เข้าไปนั่งในห้องโถงมีคนบางส่วนทยอยไปใส่บาตรบ้างแล้ว ฉันและพ่อกับแม่ไปใส่บาตรทีหลังจากคนกลุ่มนั้น เมื่อใส่บาตรเสร็จฉันและพ่อกับแม่ก็เข้ามานั่งที่ของตนเอง หลังจากนั้นไม่นานพระสงฆ์ท่านก็ได้เริ่มสวดอะไรสักอย่าง ฉันยังเด็กมากในตอนนี้จึงไม่ได้มีสมาธิอยู่ในวัดสักเท่าไหร่เพราะเริ่มคิดถึงที่นอนที่บ้านแล้ว หลังจากพระสวดทุกอย่างเสร็จและให้พรเสร็จแล้วก็ถึงหน้าที่ของฉันที่ฉันชอบมากที่สุดในการมาวัดแต่ละครั้ง นั้นคือฉันจะนำน้ำที่กรวดเสร็จแล้วไปรดต้นไม้แล้วขอพรให้เทวดาและนางฟ้าดลใจพ่อให้ซื้อของเล่นให้ฉันบ้าง ระหว่างที่ฉันกำลังทำหน้าที่ที่สำคัญอยู่นั้นผู้ใหญ่กลุ่มเดิมกำลังยืนคุยกันที่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่ฉันจอดจักรยานไว้ กว่าฉันจะขอพรเสร็จผู้ใหญ่ก็ได้ข้อสรุปของการประชุมในวันนี้กันแล้ว ฉันยังไม่ได้ถามอะไรนักเพราะฉันเริ่มรู้สึกหิวมากกว่า ฉันเร่งแม่และพ่อให้กลับบ้านเพื่อเตรียมอาหารเช้า ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบยืนคุยกันในเรื่องหนึ่งและก็ข้ามไปคุยอีกเรื่องหนึ่งได้อย่างสนุกสนาน ที่ฉันบอกแบบนี้เพราะฉันเรียกแม่๒รอบแล้วแต่แม่ก็ยังคุยกับผู้ใหญ่ด้วยกันอยู่ ฉันจึงต้องใช้ไม้ตายขั้นเด็ดขาด ฉันเอาเท้าเขี่ยเศษหินบริเวณนั้นออกและนั่งลงไป หลังจากนั้นก็เริ่มบีบน้ำตา ใช้มือข้างซ้ายเขี่ยเศษดินเล่นด้วยหน้าตาที่เศร้าหมองและเอามือข้างขวาจับท้องแสดงถึงอาการหิวข้าวเพื่อที่จะให้ผู้ใหญ่ในกลุ่มนั้นสงสารฉันและเร่งให้พ่อแม่ฉันกลับบ้าน และแล้วอัจฉริยะอย่างฉันก็ทำตามแผนได้สำเร็จ เหยื่อติดกับและฉันได้กินกับข้าวฝีมือเหยื่อสักที
.
พอกินข้าวเช้าเสร็จฉันก็นึกขึ้นได้ว่าผู้ใหญ่กลุ่มนี้ได้คุยอะไรกันไว้โดยที่ฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไหร่เลย ระหว่างที่ฉันกำลังจะเดินไปถามแม่นั้น พ่อก็เดินมาเพื่อบอกกับฉันว่า “ พรุ่งนี้หนูต้องตื่นแต่เช้า ป้านัดไว้แล้วว่าตีสี่ล้อจะหมุนออกจากบ้าน เราจะไปดูวัดที่เขาว่าสวยและดังมาก หากไปสายคนอาจจะเยอะได้ ถ้าพ่อปลุกต้องลุกทันทีนะ เข้าใจมั้ย ” พ่อทิ้งท้ายด้วยคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบหรือไม่ก็ต้องตอบแค่เพียง “ จ้า ” หรือ “ ค่ะ ” เท่านั้น ฉันเข้าใจที่พ่อพูดและไม่จำเป็นที่จะต้องไปถามแม่เพิ่มเติมเลย
.
“ พ่อปลุกสองรอบแล้วนะ ลุกเร็วสิ ตีสามสิบห้าแล้ว ” ฉันพึ่งรู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงดังกล่าวแล้ว ฉันกลัวพ่อตีฉันที่ฉันไม่ยอมรีบลุก ฉันดีดตัวขึ้นมาอย่างแรงเพราะความรีบร้อนและกลัวการลงโทษจากพ่อ หลังจากนั้นฉันก็วิ่งไปเอาเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนและวิ่งต่อไปยังห้องอาบน้ำและจัดการอาบน้ำให้ทันก่อนที่พ่อจะบ่น ซึ่งพ่อไม่ได้บ่นบ่อยนัก
ตีสามสี่สิบห้า ทุกคนในบ้านของฉันพร้อมที่จะเดินทางแต่ครอบครัวและมิตรสหายของป้าพร้อมก่อนที่ครอบครัวของฉันจะได้อาบน้ำอีก ผู้ใหญ่เหล่านั้นเขาชอบเข้าวัดนั่นทำให้ฉันก็พลอยได้บุญจากการเข้าวัดกับผู้ใหญ่กลุ่มนี้ด้วย แต่ที่สำคัญคือเมื่อทุกคนพร้อมรถก็สามารถออกได้โดยไม่ต้องตรงตามเวลานัดก็ได้
.
ตีสามห้าสิบหลังจากที่ของและสัมภาระต่าง ๆ ถูกนำขึ้นรถเสร็จเรียนร้อยแล้ว พวกเราทุกคนก็พร้อมจะออกเดินทางและล้อรถได้หมุนทันที
ตีห้าตรงรถเดินทางมาได้ครึ่งทางฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ลมพัดอย่างแรง กิ่งไม้หักเต็มข้างทาง น้ำเริ่มท่วมที่นาตามข้างถนนและมีแสงวูบวาบอยู่เป็นระยะ ๆ ที่บนท้องฟ้า เวลานั้นฉันใจสั่นมาก ฉันไม่ชอบหรือจะเรียกว่าเกลียดเลยก็ได้กับการที่ต้องมาเจอพายุฝนฟ้าคะนองแบบนี้ แต่ฉันยังเชื่อในใจอยู่เสมอว่าฉันมาทำบุญ พระท่านต้องคุ้มครองฉันอยู่ ฉันกอดพ่ออย่างแน่น “ พระท่านกำลังคุ้มครองเรา เพราะเรากำลังทำความดี ” อยู่ ๆ พ่อก็พูดแบบเดียวกันกับที่ฉันคิดไว้เลย ต่างกันเพียงการเรียงคำในประโยคเท่านั้น ฉันรู้ว่าพ่อคิดเหมือนฉัน ฉันก็โล่งใจไปไม่น้อยและฉันก็นอนหลับไปในขณะที่พายุยังคงรุนแรง และนั่นทำให้คณะของฉันไปถึงวัดช้ากว่ากำหนดหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณ จากการต้องระวังอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้
.
เจ็ดโมงสิบแปด คณะนี้ได้เดินทางผ่านห่าฝนระหว่างทางมาได้และมาถึงวัดในที่สุด พ่อปลุกฉันขึ้นมาดูวิวโดยรอบวัด ฉันลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นที่จะเห็นความสวยงามของวัด แต่สิ่งที่ฉันเห็นกลับเป็นกลุ่มก้อนของรถจำนวนมากที่พานักท่องเที่ยวและนักท่องบุญจากที่อื่นมายังวัดนี้ ฉันกวาดตาไปรอบ ๆ มันไม่เหมือนกับสิ่งที่ฉันเห็นทุก ๆ เช้าในวัดใกล้บ้านที่จะมีผู้คนไม่กี่กลุ่มยืนอยู่ในแต่ละวัน แต่วัดแห่งนี้กลับมีผู้คนยืนอยู่ทุกที่ และเปลี่ยนจากจักรยานเป็นรถตู้ครึ่งร้อยคันและรถส่วนตัวอีกไม่น้อย
.
ฉันกลัวสถานที่ที่มีผู้คนเยอะแยะมากมายเพราะฉันไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นนิสัยเป็นอย่างไรแล้วจะทำอะไรกับฉันบ้างหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้ แต่ในใจก็ยังนึกขึ้นมาว่าคนเหล่านี้คงเป็นคนดีแหละไม่เช่นนั้นพระคงไม่คุ้มครองจนมาถึงวัดที่นี่หรอก ฉันก็ได้แต่คิดปลอบใจตัวเองเพื่อลดความกังวล พ่อจูงมือฉันเพื่อไม่ให้ฉันหลง ส่วนฉันเองก็จับมือพ่อไว้แน่นเพราะอาการกลัวที่ยังคงมีอยู่ ก่อนที่จะเข้าไปในเขตของวัดจริง ๆ ฉันแล้วพ่อได้ถอดรองเท้าไว้ใกล้ ๆ กัน ส่วนผู้ใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งยังคงเดินดูสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีให้เช่าบูชาอยู่ตรงประตูหน้าวัด ที่พ่อฉันพาฉันแยกตัวออกมาก่อนเพราะบริเวณที่ผู้ใหญ่ไปเดินไม่ได้มีแค่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังมีขนมและไอติม พ่อรู้ว่าถ้าฉันเห็นฉันจะต้องร้องอยากได้ พ่อจึงต้องพาฉันแยกตัวออกมา พอฉันได้เข้าไปวัดสิ่งที่ฉันได้คิดฝันมาตลอดคือเจดีย์องค์สวยตั้งตระหง่านอยู่ที่หน้าของฉัน แต่ฉันเห็นกลับมีบางอย่างที่ตั้งสูงเป็นกองอยู่ข้างซุ้มประตู นั่นคือ กองขยะ ฉันได้แต่คิดตามว่า “ อ๋อ เพราะคนเยอะขยะถึงเยอะ ” แต่ฉันก็ไม่ได้ผิดหวังมากนักเพราะฉันได้เห็นเจดีย์องค์สวยอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันเริ่มเป็นคนที่จูงพ่อและพ่อเริ่มจับมือและดึงฉันไว้อยู่เป็นระยะ ๆ ในระหว่างที่เดินไปเรื่อย ๆ เพราะพ่อเองก็กลัวว่าแม่จะด่าให้หากฉันหลงทางไปในวัด มีผู้คนมากมายเดินชนฉันอยู่เป็นระยะ ๆ มีทั้งผู้ที่แต่งกายเหมาะสมและหน้าตายิ้มแย้ม รวมไปถึงผู้ที่หน้าตาบูดบึ้งอาจเป็นเพราะการที่เขาไม่ได้อยากมาที่วัดแต่โดนบังคับหรือเพราะเขาไม่ชอบในสภาพแวดล้อมภายในวัดหรือเปล่า ฉันก็ไม่รู้ ระหว่างที่มองดูหน้าคนบูดบ้าง ยิ้มบ้าง ใส่กางเกงขาสั้นบ้าง นุ่งขาวห่มขาวบ้าง ฉันก็ดันเดินไปเหยียบใส่เศษธูปที่หล่นอยู่ระหว่างทาง ด้วยความที่เศษนั้นคงจะพึ่งหล่นมันจึงยังร้อนมากเป็นพิเศษ ฉันร้องดังลั่นและกระโดดออกจากบริเวณที่เศษธูปหล่นอยู่ด้วยความสะดุ้งตกใจ และน้ำตาฉันก็เริ่มไหลออกมาและร้องไห้ในที่สุด พ่ออุ้มฉันขึ้นมาและปลอบฉันอยู่ตลอดทางก่อนที่จะกลับไปทายาที่พกมาบนรถ แต่ยังไม่ทันได้ออกจากซุ้มประตูวัด พ่อก็ต้องเอามือกุมขมับ เมื่อรองเท้าที่วางอยู่ได้หายไปในกลีบเมฆ พ่อเดินวนหาอยู่สามรอบพ่อก็เจอรองเท้าของพ่ออยู่ที่ข้างกำแพงถัดออกไปจากจุดเดิมที่เคยถอดรองเท้าไว้ประมาณห้าเมตรได้ นั่นถือเป็นโชคดีของพ่อ แต่สำหรับฉัน ฉันเจอรองเท้าของฉันเพียงแค่ข้างเดียว รองเท้าข้างซ้ายไม่ได้ทำให้ฉันไปถึงรถได้สบายขึ้นเลย พ่อจึงตัดสินใจอุ้มฉันต่อไปอีกเพื่อพาฉันกับรองเท้าข้างซ้ายของฉันกลับไปยังรถ เมื่อทายาเสร็จพ่อก็เหลือบหันไปมองนาฬิกาที่ข้อมือของตนเองและบ่นเบาๆว่า “ จะแปดโมงครึ่งแล้ว ทำไมแม่ลูกยังไม่ออกมาอีก ” ฉันนึงขึ้นได้ว่าที่จริงแล้วแปดโมงควรเป็นเวลาที่ฉันจะร้องไห้งอแงที่จะกินข้าวเช้า แต่นี่เลยเวลานั้นของฉันมาเกือบครึ่งชั่วโมงและที่สำคัญวัดแห่งนี้ไม่มีพื้นดินที่ให้ฉันได้ลงไปนั่งเรียกร้องความสนใจเหมือนทุกวันที่วัดบ้านของฉัน ฉันจึงได้แต่นั่งรอ ระหว่างนั่งรอนั้นฉันก็ยังคงคิดหาแผนใหม่ที่จะเรียกร้องความสนใจและความสงสารจากพ่อ แต่หลอดไฟแห่งความฉลาดยังไม่ทันโผล่ขึ้นบนหัวของฉัน แม่กับป้าและเพื่อนวัยเดียวกันก็มาถึงที่รถ เกือบเก้าโมงที่ผู้ใหญ่กลุ่มนี้มาถึง แล้วเกือบเก้าโมงครึ่งที่รถจะออกมาจากที่จอดรถของวัดได้เพราะถนนค่อนข้างแคบจากการที่มีรถจดตันทางบ้างเป็นบางช่วง ประจวบกับเป็นเวลาที่ทุกคนออกจากวัดเพื่อไปกินข้าวเช่นเดียวกัน ฉันเกือบโดนน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของฉันย่อยสลายฉันไปทั้งตัวจากการที่ไม่มีอาหารตกไปถึงท้องตั้งแต่เช้า พ่อต้องรีบหาร้านอาหารโดยเร็วเพราะฉันเริ่มกริ้วมาก ๆ ในขณะที่แม่กำลังบอกให้ฉันรออีกหน่อย เดี๋ยวก็จะถึงร้านอาหารแล้ว
.
เมื่อรถจอดที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในระแวกนั้น ฉันได้หยิบกระดาษจำนวนหนึ่งและดินสอสีในกระเป๋าไปที่โต๊ะอาหารด้วย แม่ฉันมักจะบอกอยู่เสมอว่าเราควรจดหรือวาดรูปเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นความทรงจำในการเดินทาง ระหว่างรออาหารฉันหยิบกระดาษแผ่นแรกขึ้นมา ฉันวาดรูปวัดในหมู่บ้านของฉันที่มีต้นไม้ใหญ่เล็กอยู่เต็มทั่วเขตของวัด มีชาวบ้านเกือบยี่สิบคนได้ในรูป จักรยานและมอเตอร์ไซค์รวมกันได้สิบคัน ศาลาที่กว้างและมีลมโชยเข้ามาอยู่ตลอด และหยิบใบที่สองขึ้นมาเพื่อวาดรูปวัดที่ฉันเหยียบธูปมาเมื่อเช้า ที่มีผู้คนพลุกพล่าน มีพระเดินสวนกับญาติโยมอยู่เป็นระยะ ๆ มีสาวนุ่งกระโปรงสั้นบ้าง ตัดผมทรงประหลาดบ้าง ปะปนกันไป และมีเจดีย์องค์งามตั้งอยู่ตรงกลางรูป ฉันเปรียบเทียบรูปทั้งสองฉันมองเห็นความสวยงามของเจดีย์ในรูปที่สอง แต่ฉันกลับเห็นความน่าอยู่ในรูปแรก
.
“ วัด ” เป็นสถานที่ประกอบศาสนพิธีต่าง ๆ และยังเป็นที่ยึดเหนียวจิตใจของพุทธศาสนิกชน เป็นสถานที่ที่ให้ผู้คนได้ทำจิตใจให้สงบ อยู่กับตัวเองให้เป็น แล้วในปัจจุบันนี้ ผู้คนให้ความหมายกับวัดว่าอย่างไร วัดหลายแห่งถูกตั้งขึ้นให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวประจำอำเภอหรือจังหวัด ฉันไม่ได้ขัดข้องกับความโด่งดังและชื่อเสียงของวัด และฉันก็ไม่ได้มีปัญหากับชาวพุทธท่านอื่น ๆ ที่เข้ามาในวัด แต่ฉันเพียงอยากรู้ว่าในเมื่อฉันเป็นชาวพุทธ หากฉันมีจิตใตที่ฟุ้งซ่าน ฉันก็คงต้องไปวัดเพื่อทำจิตใจให้สงบ แต่มาถึงวันนี้ปัจจุบันนี้ที่วัดกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามา อย่าว่าแต่ฉันเลย หากแต่พระท่านยังคงอยู่ในวัดพระท่านก็คงไม่มีสมาธิที่จะมาทำจิตใจให้สงบหรอก ฉันจึงหยิบกระดาษใบที่สามขึ้นมาและเริ่มลงมือวาดวัดที่ฉันและคนอื่นไม่เคยไปมาก่อน ไม่เคยแม้แต่จะเห็นด้วยซ้ำ วัดแห่งนี้มีเจดีย์องค์งามอยู่ในรูป มีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่รอบ ๆ มีที่จอดรถที่เป็นระเบียบ มีพื้นที่สำหรับญาติโยมและพระสงฆ์ให้เป็นส่วนๆอย่างชัดเจน และมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งสำหรับพระและโยม แต่ถึงจะว่าอย่างงั้นโยมก็ต้องแต่งกายให้เกียรติสถานที่ ฉันจึงวาดให้โยมท่านชายแต่งกายด้วยกางเกงขายาวและท่อนบนเป็นเสือเชิ้ตหรือเสื้อยืดสีขาวหรือไม่ก็สีสุภาพ ส่วนของโยมผู้หญิงใส่กระโปรงยาวคลุมเข่าหรือไม่ก็กางเกงขายาวและใส่เสื้อผ้าที่เป็นโทนสีสุภาพและไม่แต่กายโป๊เปลือย ฉันว่าสถานที่ที่มีสิ่งข้างต้นนี้ก็หายากแล้ว แต่ฉันยังคงวาดต่อไปจนกว่าอาหารมื้อเช้าที่ฉันรอจะมา ฉันไม่ได้วาดรายละเอียดมากนัก แต่ฉันวาดเพิ่มเติม ให้บรรยายกาศภายในวัดดูร่มรื่นมากขึ้นและดูสงบมาขึ้นด้วยการเติมสีโทนสีฟ้าและสีเขียวเข้าไป ผู้คนไม่ได้น้อยแต่ก็ไม่ได้เยอะ มีการแบ่งช่องทางเดินอย่างเรียบร้อยเพื่อไม่ให้มีการชนกันหรือเหยียบเศษธูปแต่อย่างใด
.
ฉันได้แต่หวังว่า วัดที่ฉันหวัง จะมีจริงในไม่ช้า
.
.
ติดตามบทความ และ การอบรม ได้ที่ : www.dhammaliterary.org