บันทึกนักเขียนบำบัด “ฟังเสียงร่างกาย” ตอนที่ ๒

 

สัมผัสด้วยรัก๑

 

บันทึกนักเขียนบำบัด “ฟังเสียงร่างกาย” ตอนที่ ๒

บทสนทนาและการดูแลตนเอง

ในรอยต่อระหว่างการอบรม “เขียน = ปลดปล่อยชีวิต” และ “พลังแห่งจิต กึ่งออนไลน์”

โดย สุพัตรา

 

 

ฉัน…
ฟังร่างกายครั้งที่ห้า 05/04/59
วันนี้ทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเกือบทั้งวัน ไม่ได้คิดถึงหรือรู้สึกไม่ดีในเรื่องใดจริงจัง แต่เห็นตัวเองอารมณ์ค่อนข้างร้อน หงุดหงิดง่ายกับเรื่องเล็กๆ อาการออกทางใบหน้าไม่ค่อยยิ้ม หน้าขรึม ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ เมื่อตอนเย็นได้ไปงานเลี้ยงกินน้ำอัดลมไป 2 แก้ว และเค้ก 1 ชิ้น(-*-)

ก่อนเริ่ม…ฟังเพลงผ่อนคลาย และทบทวนตัวเองในระหว่างวัน เริ่มง่วงเล็กน้อย

ขณะฟังร่างกาย…หายใจเข้าออกอยู่กับตัวเองไม่ค่อยมีสมาธิมีเรื่องทั่วๆไปหลายเรื่องแว๊บเข้ามาแล้วก็หลับไปจนถึงตีสามครึ่ง

ผ่านมา 5 วันแล้วยังไม่ค่อยได้คุยกับคุณร่างกาย หวังว่าคุณร่างกายจะเข้าใจว่าเราอ่อนเพลียเลยขอพักผ่อนก่อนคุณร่างกายก็ได้พักไปด้วยงัย ถ้าเรามีพลังขึ้น

———–

อาจารย์…
อย่างน้อยเราได้ฟังความอ่อนเพลียในตัวเรา กับเสียงสะท้อนจากคุณคอและบ่า ครั้งต่อไปนี้ไม่เพียงเราจะตั้งใจฟังเสียงร่างกายเท่านั้น แต่เราจะมอบพลังแก่เขาด้วยใจของเราด้วย เริ่มที่คอก่อนได้ครับ ทว่าครั้งนี้ถ้าเป็นไปได้ลองเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่านั่งนะครับ 

แม้เราไม่ได้คิดถึงสิ่งที่รบกวนใจ แต่ความร้อนหงุดหงิดที่อยู่ภายในก็แสดงถึงพลังลบหรือความคิดบางอย่างสะสมอยู่ ให้การฟังร่างกายหรือปรับพลังร่างกายทีละจุดนี้ ชำระล้างและผ่อนคลายตัวเรา ให้แสงสว่างที่เรากำหนดในใจให้เป็นการปรับเปลี้ยนพลังลบออกให้สมดุล หลังจากาการทำถ้ายังไม่หลับ ล้างมือล้างหน้าและดื่มน้ำนะครับ

———–

ฉัน…
ฟังร่างกายครั้งที่หก 06/04/59

ก่อนเริ่ม…อ่านหนังสือที่เคยอ่านแล้วแต่คิดถึง 1 บท สมองผ่อนคลาย รู้สึกปวดท้องเสียดๆเหมือนจะหิวก็เลยจิบน้ำไปเล็กน้อย เรอออกมาด้วยเหอะๆๆ

ขณะฟังร่างกาย..นั่งขัดสมาธิเอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งแตะกันเหมือนตอนปรับสมาธิโยคะ ข้างหลังมีหมอนพิง หายใจเข้าออกอยู่กับลมหายใจสักครู่ กำหนดความรู้สึกไปที่คอ คอรู้สึกแข็ง ตึง ปวดไปถึงใต้ใบหู เหมือนมีไม้รูปตัว T มาดามคอไว้ พอลองฟังเสียงคุณคอ คุณคอยอกว่าชั้นปวดมาก ทรมานมานานแล้วไม่ชอบเลยที่มีเสียงดังกร็อบแกร็บตอนหันซ้ายขวาในบางครั้ง เธอน่าจะพาชั้นไปหาหมอนะ (ลืมคุยกับคุณคอเลย) ลองผลักพลังความปวดสีแดงที่อยู่ตรงต้นคอออกให้มันลอยไป แล้วเอาพลังสีเขียวที่จะช่วยคลายกล้ามเนื้อมาทาบลงตรงต้นคอ
ระหว่างนั่งมีอาการยุกยิกๆ ตลอดเวลาเดี๋ยวคันหน้า คันแขน ร้อนเอาผ้าคลุมไหล่ออก เอาผ้าคลุมขาออก รู้สึกเมื่อยขาเปลี่ยนเป็นยืดขา ขยับท่านั่งห่างจากที่พิงบ้าง มีความคิดหลายเรื่องแทรกเข้ามา เป็นความคิดซ้อนความคิด คือพอรู้ตัวว่าคิด เลิกคิดแต่ไม่กลับมาไปคิดเรื่องอื่นต่ออีก ลมหายใจสั้นรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยต้องยืดตัวสูดลมหายใจลึกๆ และสัปหงก 2-3 ครั้ง เลิกนั่งเพราะรู้สึกกระวนวายไปหมดทุกส่วนทั้งสมองและร่างกาย

หลังฟังร่างกาย…ล้างมือ ล้างหน้า ตามที่อาจารย์แนะนำแต่ไม่ได้ดื่มน้ำ รู้สึกหิวเลยดื่มนม 1 กล่องแทนค่ะ ^^ ที่คอยังรู้สึกเหมือนเดิม วันนี้เราคงจะไม่มีสมาธิและใจร้อนไปหน่อย

———–

อาจารย์…
เข้าใจว่าตั้งใจและใช้ความพยายามมาก พยายามผลักพลังความปวดสีแดงออกไป พยายามเลิกคิดหยุดคิด มีความเครียดและกระวนกระวายขึ้นมาให้เราเห็น ผมใช้คำว่าขึ้นมาเพราะสังเกตว่านี้น่าจะเป็นอารมณ์ที่นอนเนื่องอยู่ในใจอยู่แล้ว พอทำสมาธิอารมณ์ที่เก็บไว้ ก็ปรากฏออกมา อาการคันๆ ร้อนๆ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากพลังในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง อาการทั้งหลายเหล่านี้เห็นเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือผิดปกติอย่างใด เรานั่งเพื่อฟังสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาลและใจเรา ค่อยๆ ฝึกความอดทนนะครับ ถ้าฝืนมากก็ไม่เป็นไรพักก่อนได้ 

คราวนี้ลองใหม่ครับ เริ่มจากจุดเดิม นึกถึงตัวทีและอาการตึงนั้น ถามเขาว่า มีเหตุการณ์ใดในชีวิตและการกระทำใดในชีวิตที่เก็บอยู่ในร่างกายส่วนนี้ ขอเขาช่วยตอบให้เราเห็นหรือนึกขึ้นได้ อยู่กับภาพและความทรงจำนั้น ถามร่างกายว่าอยากให้เราดูแลตอนนี้อย่างไร แล้วลองทำต่อไปตามร่างกายเรา หากมีความคิดใดใดเกิดขึ้น ไม่ต้องพยายามผลักไสออกไป เฝ้ารับรู้และดูว่าคิดอะไร เหมือนสายลมที่ผ่านมาให้รับรู้และผ่านเลยไป ฝึกดูความตึงความเครียดและผ่อนคลายลง

จะดื่มน้ำหรือดื่มนมก็ขอให้ดูว่าร่างกายต้องการอะไรนะครับ

———–

ฉัน…
ฟังร่างกายครั้งที่เจ็ด 07/04/59

ในระหว่างวันเมื่อรู้ว่าต้องนึกถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่อยู่ในร่างกายตรงคอและบ่า ก็รู้สึกเหมือนสะเทือนใจขึ้นมา เกิดความกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวนั้นๆ ใจสั่นแต่ก็ยังสั่นสู้อยู่

ก่อนเริ่ม…ทำใจอยู่นาน ทำกิจวัตรประจำวันช้ากว่าปกติเหมือนยื้อเวลา ฟังเพลง ร้องเพลงไปหลายเพลงจนร่างกายผ่อนคลายมากๆ กินน้ำไปหลายอึกเพราะรู้สึกหิวนิดหน่อย

ขณะฟังร่างกาย…วันนี้เลือกนั่งสมาธิไม่มีที่พิงหลัง รู้สึกนิ่งขึ้นไม่ขยับไปมา มีความคิดแว๊บบ้างเล็กน้อย เมื่อกำหนดความรู้สึกที่คอ ไม่ค่อยรู้สึกปวดเท่าไหร่ แต่คุณคอบอกว่าลองขยับชั้นสิ ก็เลยลองก้มหน้า เงยหน้า หันซ้าย หันขวา โอ้โห! ปวดมากทุกท่าเลย จากนั้นก็ค่อยๆทบทวนเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับร่างกายส่วนคอ มองเห็นตัวเองในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่ทำงานหนักหน้าคอมพิวเตอร์ เรามองเหตุการณ์นั้นด้วยความรู้สึกเฉยๆ ไม่สะเทือนใจเหมือนที่คิดในตอนแรก

ถามคุณคอว่าอยากให้เราดูแลอย่างไรในตอนนี้แต่ไม่ได้ยินเสียงคุณคอเลย ได้ยินเสียงคุณหลังขึ้นมาแทนว่าอยากนอน ปวดหลังอยากนอน สงสัยคุณหลังจะถูกใช้งานหนักเหมือนกันก็เลยเอนตัวลงนอนคิดว่าจะคุยกันต่ออีกนิดนึงแต่ก็เผลอหลับไป พอรู้สึกตัวขึ้นมาก็ไม่มีแรงแล้วเลยปิดไฟนอนค่ะ^^

หลังฟังร่างกาย…ช่วงใกล้สว่างเหมือนจะฝันอะไรบางอย่างแต่จำไม่ได้ กระสับกระส่ายเล็กน้อยแล้วก็ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกค่ะ

———–

อาจารย์…
โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่าการแบกรับของใจและการไม่สามารถสื่อสารกับคนใกล้ตัวมีผลต่ออาการที่คอของเรา แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้ 

เส้นกล้ามเนื้อที่ใช้มากเกินไป ดึง ยืด บิด เกินพอดี ก็ย่อมเกิดความบอกช้ำ และความเจ็บปวด ชีวิตที่ดึงเกินพอดี ยืดบิด พยายามบังคับให้ดังใจเกินควร ก็ย่อมบอกช้ำเหมือนเส้นและกล้ามเนื้อร่างกาย ผมนึกได้ดังนี้จากที่ทบทวนประสบการณ์ตนเองซึ่งมีประเด็นร่วมเรื่องการพิสูจน์ตนเองครับ แลกเปลี่ยนกัน

———–

ฉัน…
ฟังเสียงร่างกายครั้งที่แปด 14/04/59

ก่อนเริ่ม…ปิดไฟ นั่งสมาธิ รู้สึกเพลียและง่วงเล็กน้อยมีความตั้งใจจะฟังเสียงคุณเท้า เพราะเดินทั้งวันตั้งแต่หกโมงเช้า

ขณะฟังร่างกาย…หายใจเข้าออกอยู่กับตัวเองพักใหญ่เพราะไม่ค่อยมีสมาธิ กำหนดความรู้สึกไปที่เท้า รู้สึกเท้าร้อนเหมือนมีไอสีแดงจางๆค่อยๆลอยออกมา แต่จู่ๆก็รู้สึกปวดมากที่คอและบ่าเหมือนโดนเรียกร้องความสนใจ จึงไปกำหนดความรู้สึกที่คอ

คุณคอรู้สึกร้อนมาก มากกว่าที่เท้า ปวด ตึง เหมือนถูกดึงยืดและบิด ได้ถามคุณคอว่าตอนนี้รู้สึกยังงัยบ้าง คุณคอตอบว่ารู้สึกปวดมาก เลยถามต่อว่ามีอะไรอยากจะบอกกับฉันมั้ย คุณคอเงียบไปพักนึงและบอกว่า อยากจะขอบคุณ (ร้องไห้หนักเลยค่ะ) ขอบคุณเราที่ห่วงใย ใส่ใจ หันกลับมาดูแลเค้า แบ่งเวลาให้เค้าได้พักผ่อน ผ่อนคลายตัวเอง ขอบคุณที่รักเค้า ตอนนี้เค้ารู้แล้วว่าเรายังรักเค้าอยู่

จากนั้นก็ถามคุณคอว่าตอนนี้อยากให้ฉันทำอะไรให้มั้ย เค้าเงียบไปพักใหญ่ไม่ตอบอะไร ก็เลยนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิที่เราเคารพ ขอพลังและน้อมนำพลังมาอยู่ที่คอและบ่า และอยู่กับขั้นตอนนี้พักใหญ่ค่ะ ทำหลายรอบ อาจจะสมาธิยังอ่อนไปน้อมนำพลังมาไม่ค่อยต่อเนื่อง

หลังฟังร่างกาย…ใจโล่งมาก ผ่อนคลาย เบา อมยิ้มทั้งน้ำตา

ข้อสังเกตุ..
**ถึงแม้จะง่วงแต่ก็สัปหงกแค่ครั้งเดียวตอนที่หายใจเข้าออกอยู่กับตัวเองในตอนแรก
**นั่งเฉยไม่ขยับไปมาเลย ไปยุกยิกเหมือนทุกครั้ง ไม่คันตัว ไม่หนาว ไม่ร้อน ทั้งที่บรรยากาศห้องเหมือนเดิม รู้สึกเหมือนดำดิ่งลงไปในอะไรสักอย่าง
**อยู่กับกระบวนการนี้นานกว่าทุกครั้ง ประมาณ 19 นาทีค่ะ จับเวลาไว้

———–

อาจารย์…
แสดงว่าเรามีกำลังสมาธิมากขึ้นนะครับนี่ และพลังของผู้เยียวยาภายในก็ได้น้อมนำออกมาใช้แล้ว รู้ผ่อนคลายแม้ในช่วงเวลาที่ตึง แม้มีร่องอารมณ์ที่เคยเครียด น่าชื่นชมมากครับ ฝึกฝนต่อครับ บทเรียนนี้นี่น่าแชร์ในกลุ่มด้วยนะครับ

———–

การดูแลตนเองไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ แต่เป็นจุดเริ่มต้นให้ “ฉัน” ก้าวสู่การสัมผัสแห่งรักต่อชีวิตและต่อตนเองมากกว่าที่ผ่านมา…