บางส่วนจากข้อสอบการสะท้อนตนเอง กลุ่มเรียนเดือน ก.ค. ชุดที่ ๗

“มีกล่องแต่ละด้านมีความแตกต่างกัน
-ด้านแรกที่ทุกคนเห็นคือสีเหลือง รูปยิ้มแทนมุมทั่วไปที่ทุกคนเห็น
-ด้านบนสีเขียวต้นไม้ แทนเรื่องความเป็นตัวเอง นิสัย
-ด้านสีเทาดำ แทนปัญหาและข้อเสียของตัวหนู
-ส่วนด้านที่ไม่เห็นแทนด้านที่คนสนิทที่เข้าใกล้ถึงจะเห็นไม่ใช่มองมุมเดียว คนทั่วไปก็เห็นสามด้านปกติ
ที่เลือกภาพนี้แทนตัวเองเพราะจากการเรียนทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ คนเรามีหลายมุมถึงแม้บางคนเรามองภายนอกเป็นแบบนี้แต่จริงๆตัวตนอาจเป็นคนละแบบกับสิ่งที่แสดงออกมา หลังจากที่เรียนและได้วิเคราะห์แล้วก็รู้ตัวเองมากขึ้นว่าเราเป็นคนยังไง และมีข้อเสียที่ต้องแก้ตรงไหน ที่รู้สึกว่าตรงมากคือเรื่องหมีที่แทนความเป็นเรา และก็รู้ข้อเสียอีกอย่างที่ไม่เคยมองเห็นตัวเองคือรอบครอบจนบางครั้งเป็นการลังเลไม่แน่นอน ตัดสินใจช้าจนพลาด บางทีก็ตีกรอบให้ตัวเองมากเกินไป ไม่ชอบให้ใครมาล้ำเส้น ยึดมั่นความคิดตนเองวิชานี้ช่วยให้รู้จุดบกพร่องตัวเองเพื่อจะนำมาแก้ไขและแสดงความเป็นตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็นมากขึ้นในด้านดีและวิชานี้ก็ยังเป็นวิชาที่ผ่อนคลาย แต่ได้ประโยชน์”

 

 

/ น.ส.สุทธิดา ประกอบธรรม ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา

 

 

“ความจริงแล้ว คนเรามีทั้งส่วนดีและไม่ดีในตัวเอง แต่เพราะเราแบกความคาดหวังมากเกินไป ทำให้เราเครียดพอทำผิดไม่กล้ายอมรับเพราะกลัวสิ่งดีภายนอกจะหายไป และเป็นเพราะเราเองด้วยที่กดดันตัวเอง ไม่ยอมให้อภัยตัวเอง คิดว่าตัวเองต้องดี มันก็เลยสวนกับความต้องการ ลึกๆในใจ
หลังจากที่ได้ระลึกถึงเหตุการณ์แล้ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนมุมมองใหม่ คือในเรื่องของการลงลึกถึงความรู้สึกภายใน และสัมผัสได้ถึงบุคลิกภายนอก ตัวเองอาจดูไม่มีอะไร แต่ไม่มีใครรู้ว่ายังโหยหาความรักความสบาย การมองเห็นหัวใจของตัวเอง ที่ทำให้เข้าใจตัวเองมากกว่าเดิม อยากบอกกับตัวเองว่าควรลด เลิก ละ ความอยากและความต้องการลงบ้าง เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่มีความสุขโดยไม่ต้องมีใคร นอกจากตัวเราเอง

ในช่วงที่เริ่มบันทึกและเรียนรู้ แทบจะไม่รู้จักตัวเอง นั่งคิดอยู่ว่าตัวเองมีจุดแข็งจุดอ่อนอะไร มันเลยค่อนข้างจะขัดแย้งนิดๆ แต่พอเริ่มทำกิจกรรม รู้สึกสนุกได้เห็นอีกด้านหนึ่ง ของตัวเรา ทำให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีหลายด้านหลายมิติ ทำให้ได้ผ่อนคลายกับชีวิตไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม นั่งสมาธิ หรือเล่นเกมส์ เพื่อฝึกทักษะของตัวเราและทำให้รู้สึกถึงความสมดุล ได้เห็นมุมมองใหม่ๆจากคนรอบข้าง ที่เราไม่ค่อยได้มองหรือเลือกที่จะไม่จดจำ ได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่รู้สึกมันต่างกัน การได้เขียนอะไรลงไปในกระดาษนั้นมันทำให้ได้เข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น สามารถแชร์เรื่องราวในอดีตที่กระทบใจได้ง่ายขึ้น และก็สะเทือนใจกับมันน้อยลง และได้ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เราได้มีความคิดที่จะเริ่มใหม่ด้วยตัวของเราเอง”

 

 

/ น.ส. สิริกร ชินะประยูร

 

 

“ในหลายๆข้อเสียของเรานั้นอาจจะมีด้านดีอยู่ก็เป็นได้ และในข้อดีของเรานั้นก็อาจจะมีด้านลบด้วยเช่นกัน และช่วงเวลาในห้องนั้น ตอนที่เข้ามาแรกๆ ผมก็คิดว่า การมานั่งฟังนั้นมันจะได้ประโยชน์อะไรต่อเรา เราจะมานั่งฟังให้เสียเวลาทำไม แต่พอรองตั้งใจที่จะรับฟัง ก็ทำให้รู้ว่าการที่เราได้มานั่งอยู่ตรงนี้ มันเป็นผลดี ทำให้เราได้ปลดปล่อย ผ่อนคลาย ได้ระบายความในใจที่เราเก็บไว้ออกมา ให้คนอื่นๆได้รับรู้ ได้เผยนิสัยที่คนอื่นๆอาจจะไม่รู้ว่าเราเป็นอยู่ ให้เขาได้รู้ได้ทราบ และให้ได้รู้ว่าช่วงเวลานั้นเรารู้สึกอย่างไร เปรียบได้กับสีอะไร ผมกล้าพูดได้เลยว่าก่อนที่ผมจะได้เข้ารับการอบรมครั้งนี้ ผมมีปัญหาให้ต้องคิดมากมายหลายอย่างซึ่งยังไม่มีหนทางที่จะสามารถแก้ไขได้ ทุกอย่างมืดม่น เป็นสีดำ แต่พอได้ฟังก็ทำให้ตระหนักได้คิด จึงทำให้ผมได้มองเห็นหนทางที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า พร้อมที่จะสู้กับมันไป ถึงแม้อาจจะทำได้อย่างช้าๆทีละก้าวก็ตาม แต่ผมก็จะสู้จนถึงที่สุด และในการอบรมครั้งนี้ยังมีการเปรียบเทียบลักษณะนิสัยว่าเป็นอะไรซึ่งผมก็ได้เลือก กระทิง เพราะ เป็นคนใจร้อน ทำอะไรไม่คิดก่อนทำ มือไวใจเร็ว ซึ่งการที่ผมเป็นแบบนั้นทำให้ผมเกิดปัญหามากมาย และในการเข้าอบรมครั้งนี้ทำให้ผมพร้อมที่จะพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น จะพยายามทำใจให้เย็นลง คิดก่อนทำ และผมหวังว่าชีวิตของผมจะดีขึ้นไปยิ่งขึ้น ถึงตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากว่า การอบรมครั้งนี้ ทำให้ผมได้เข้าใจชีวิตตัวเองมากขึ้น และผมว่าไม่ใช่แค่ผมหรอกที่คิดแบบนี้ เพื่อนๆทุกคนที่เข้ารับการอบรม ก็คงคิดแบบผมเช่นเดียวกัน และต่อจากนี้ไป ผมจะพยายาม ตั้งใจเรียน ไม่ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาต่างๆ ซึ่งผมมีแรงบัลดาลใจมากมายซึ่งแรงบันดาลใจที่สำคัญที่สุดของผมก็คือ พ่อและแม่ ผมจะทำตัวเองให้ดีมากยิ่งขึ้น เป็นลูกที่ดีของพ่อและแม่ ไม่ทำให้ท่านเสียใจ และเมื่อเรียนจบผมพร้อมที่จะทดแทนพระคุณท่านด้วยการบวชทดแทนพระคุณท่าน ผมรู้ว่าชีวิตนี้ผมก็ไม่สามารถทดแทนพระคุณจากท่านทั้งสองได้หมดแต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ และนี่ก็คือความในใจของผมที่ผมได้จากการฝึกอบรม ผมอาจจะถ่ายทอดไม่เก่ง ภาษาที่ใช้อาจจะไม่สวยหรู แต่เรื่องราวที่ผมได้เขียนลงไปนั้นเป็นเรื่องจริงที่ออกมาจากหัวใจของผม ทั้งนี้ผมก็ต้องขอขอบพระคุณ วิทยากร และ อาจารย์สุขมิตร ที่ได้ทำให้ผมได้รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร ขาดตกพร่องพร่องอะไร เพื่อที่จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขให้คุณภาพชีวิตของตัวเอง ต่อไปครับ”

 

 

/ นายวิชชากร พูลเกิด

 

 

“จริงๆ ไม่ใช่ว่าเราเราไม่รู้ว่าเราเป็นคนแบบนี้ แต่บางครั้งเราไม่กล้าที่จะยอมรับความจริงว่าเราเป็น แบบนั้น จากนิสัยส่วนตัวของตัวเองด้วยแล้ว เป้นคนที่ไม่ค่อยกล้าที่จะยอมรับความจริงอะไร หลายๆ อย่าง กลัวว่าผลสุดท้ายแล้วมันจะเป็นไปตามที่เราคิดหรือเปล่า มันจะทำให้อะไรๆ แย่ไป กว่าเดิมหรือเปล่า แต่การเรียนรู้มันทำให้เรารู้สึกว่า จริงๆ แล้วการที่เรากล้าเผชิญกับความเป็นจริง มันก็ไม่ได้แย่เสมอไป บางครั้งมันอยากจะรู้สึกแย่แต่มันก็ ทำให้เรารู้ว่าในเวลาที่เรามีความรู้สึกแย่ๆ มันยังมีอะไรหลายๆ อย่างทำให้เรายิ้มได้บ้าง ถึงแม้ว่ามัน จะเป็นช่วงเวลาแค่ไม่นาน เราก็คิดซะว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
ทําใจยอมรับซะ ยอมรับกับความสูญเสีย กับความผิดพลาด กับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา ที่สําคัญ ต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น กับสิ่งที่เราเผชิญในปัจจุบัน
ทําใจคิดบวกดีกว่า พยายามคิดถึงเรื่องปัจจุบัน เรื่องที่จะทําให้เรามีความสุข เมื่อความคิด ของเราเริ่มกลับ ไปคิดแบบเดิม ก็ให้รีบดึงตัวเองออกจากความคิดเดิมๆ อาจจะฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือทํางาน ที่จะทําให้ เราเปลี่ยนโฟกัส ไม่ควรอยู่ในสถานการณ์ที่จะทําให้เราคิดลบ
ทําใจแก้ไขสิ่งที่พลาดไป พยายามใช้ข้อผิดพลาดในอดีตเป็นสิ่งที่จะไม่ให้เรากลับไปทําพลาด แบบเดิม เจ็บ แล้วจํา เมื่อเหตุการณ์ร้ายๆ เคยเกิดกับเรา ให้มันเป็นยาที่จะเป็นภูมิต้านทานให้กับเราที่ จะไม่ให้เกิดซ้ำอีกในอนาคต มองปัญหาเป็นประสบการณ์ที่จะทําให้เราโตขึ้น และเพื่อที่จะใช้คอย เตือนสติตัวเองและคนอื่น
ทําใจเริ่มใหม่ ให้รู้ว่าชีวิตของเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ หาสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง อย่าอยู่ในที่ เดิมๆ สังคมเดิมๆ ทึ่จะนําเราไปสู่ความคิดเก่าๆ ลองออกไปเปิดหูเปิดตา ให้โอกาสกับตัวเอง พยายาม ที่จะเป็นตัวเรา อย่าไป ยึดติดครอบครองใคร ให้เรารักตัวเราเองให้มาก พึ่งพาตัวเองให้ได้ เชื่อได้เลย ว่าเราจะสามารถอยู่ในโลกนี้ ได้อย่างมีความสุข ถือโอกาสปีใหม่ เริ่มต้นใหม่ดีกว่า อย่าล้มนาน ลุกขึ้น มีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่เสมอ”

 

 

/ นางสาวณภัทร เวียงยศ