…ลูกช่วยปลดปล่อยเด็กน้อยในใจแม่…

คุณน้อท๒

 

สวัสดีค่ะอาจารย์หลังจากที่เรียนกลับไปก็มีเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้น่ายินดีมากเลยค่ะ ต้องเล่าก่อนเลยว่า หลังจากเรียนวันที่1 คืนนั้น น้อทตื่นมาตี2 และกำลังจะเคลิ้มหลับอีกครั้งปรากฏว่าเด็กน้อยประมาณวัยรุ่นตอนต้นก็โผล่ขึ้นมาในหัว เธอตะโกนโวยวายเรียกร้อง เธอพูดๆๆๆไม่หยุด เหมือนคับแค้น อัดอั้นนมานานมาก แล้วก็มีภาพซ้อนของการกินเร็วๆของตัวเองเข้ามา เพื่อเฉลิมฉลองความสุขที่ขาดหายไปนาน  อาการอัดอั้นคับแค้นใจมันทำให้ปวดแปล๊บที่อกข้างขวาเป็นระยะ น้อทรู้สึกเหนื่อยและเผลอหลับไป  เช้าตื่นขึ้นมาเรารับรู้ได้ว่าเด็กคนนั้นกำลังตัดพ้อเราด้วยที่เรามองข้ามเค้าไป แล้วก็ไปเรียนวันที่2 ด้วยอาการเจ็บอกเป็นระยะเช่นเดิม เรียนจบกลับมาก็ยังเป็นอยู่ มีอารมณ์กรุ่นๆเป็นพักๆ ที่ผ่านมาระยะหลังน้อทมีอาการอยากตะโกนอยากกรีดร้องออกมา อยากบอกเค้าว่า”อย่ามาทำ อย่ามาพูดกับฉันแบบนี้!!!!!”กับใครก็แล้วแต่ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกล้ำเส้น

จนเมื่อคืนนี้มันเหมือนตะกอนความโกรธอะไรก็ไม่รู้มันพุ่งขึ้นมาเหมือนเราแค้นใครอยู่แล้วเราทำอะไรเค้าไม่ได้ ลูกเข้ามาถูกจังหวะพอดี น้อทตะคอกใส่ลูก แล้วลูกก็แหงนหน้ามองด้วยแววตาที่เจ็บปวด มีภาพเด็กน้อยของเราซ้อนไปที่ลูก แล้วเขาก็เปร่งเสียงออกมาด้วยความเสียใจ เจ็บปวด คับแค้นข้องใจ “ทำไมผู้ใหญ่ต้องมาดุหนู ต้องมาไล่หนูด้วย!!!!!! ฮืออออ เสียงดังมาก  แต่น้อทรู้สึกโล่งอกเหมือนได้ปลดปล่อยจากการกระทำของลูก เด็กน้อยของน้อทกับลูก เหมือนเราได้พูดออกไปแล้วพร้อมๆ กัน  วินาทีนั้นเด็กน้อยของน้อทผ่อนคลายขึ้น ทันทีที่น้อทเห็นภาพซ้อนของตัวเองที่ลูก มันเป็นอัตโนมัติมาก น้อทรู้เลยว่าเด็กน้อยภายในและตรงหน้าต้องการคนกอด น้อทลูบหลังเค้า สงบโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้เค้าระบาย ร้องไห้ออกมา  ลูกน้อทและเด็กน้อยของน้อทกำลังร้องไห้ระบายและน้อทก็ได้กอดเค้าไว้ทั้งสองคน  ลูกน้อทสงบลง ตัวน้อทเองรู้สึกผ่อนคลายขึ้น  น้อทได้ดูแลลูกก็เปรียบเหมือนได้ดูแลเด็กน้อยของเราด้วยเช่นกัน

วินาทีที่ลูกตะโกนถามน้อท มันเปรียบเหมือนเด็กน้อยของเราได้ตะโกนถามคนอื่นด้วยเช่นกัน มันเหมือนฉันทำได้ ฉันกล้าที่จะพูดออกไปแล้ว มันไม่มีอะไรอัดอั้นอีกต่อไปแล้ว  เช้าวันนี้เด็กน้อยมีความกล้าหาญขึ้น เธอยืนเท้าเอวมองไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะว่า  “วะ  ฮา   ฮ่า 

ขอบคุณอาจารย์มากๆเลยค่ะ ตลอด 2 วันได้อะไรมากมายจริงๆค่ะ

หลังจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ฉันเห็นถึงสิ่งที่เด็กน้อยของฉันต้องการ  อาการทางกายและพฤติกรรมการกินที่ฉันพยายามจะใคร่ครวญเสมอว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่   เด็กน้อยต้องการที่จะโต้ตอบและแสดงเส้นเขตของตนเอง  ในขณะเดียวกันก็ต้องการให้ผู้ปกครองได้เข้าใจ เปิดรับ โอบกอดและยอมรับในความรู้สึกที่เด็กน้อยมี  ลูกสาวของฉันเองก็เช่นกัน แต่เธอต่างกับฉันตรงที่เธอเลือกที่จะโต้ตอบแสดงพื้นที่ของตัวเอง  ก็น่าแปลกเช่นกันที่ฉันรู้สึกผ่อนคลายลงไปคล้ายกับว่าเด็กน้อยของฉันก็ได้โต้ตอบด้วยเช่นกัน  เมื่อฉันได้โอบกอดลูก ลูบหลังเค้าเบาๆโดยไม่พูดอะไร ได้แต่บอกเธอในใจว่า แม่ยอมรับหนูได้เสมอ การที่ฉันได้ปลอบโยนลูกสาวมันเหมือนกับการได้ปลอบโยนเด็กน้อยของฉันด้วย  ลูกสาวใช้เวลาในการร้องไห้ฟูมฟาย อาจเรียกได้ว่าเป็นการระบายความคับแค้นใจเพียงไม่นาน เธอสงบลง สีหน้าเธอโล่งสบาย ในใจฉันเองก็เช่นกันที่โล่งและเบา อาการเจ็บอกหายไป ความปั่นป่วนภายในก็หายไปเช่นกัน  ลูกเป็นผู้ปลดปล่อยเด็กน้อยในใจแม่ และแม่ก็เข้าใจลูกผ่านเด็กน้อยในตนเอง

/ น้อท กนกธร

คอลัมน์ สนทนากับเจ้าตัวเล็ก…เด็กน้อยภายใน

https://www.dhammaliterary.org/?page_id=3357

บันทึกหลังการอบรม “เด็กน้อยภายใน:คืนสู่บ้าน” ๒๕๕๙

คุณน้อท